ทอท. ปรับทัพลุยดิจิทัลแพลตฟอร์ม เปิดตัว “SAWASDEE by AOT” รองรับเปิดน่านฟ้า 1 พ.ย.นี้ ชูบริการออนไลน์ พร้อมเชื่อมการค้าโลก ดันรายได้นอนแอโรว์ 50% หนุนองค์กรโตยั่งยืน
ทอท. ปรับทัพลุยดิจิทัลแพลตฟอร์ม เปิดตัว “SAWASDEE by AOT” รองรับเปิดน่านฟ้า 1 พ.ย.นี้ ชูบริการออนไลน์ พร้อมเชื่อมการค้าโลก ดันรายได้นอนแอโรว์ 50% หนุนองค์กรโตยั่งยืน
องค์กรต่างๆ กำลังเผชิญความท้าทายที่คาดไม่ถึงอย่างโควิด-19 และความท้าทายจากความเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ องค์กรธุรกิจหลายแห่งต้องใช้การปรับ เปลี่ยน หรือ ข้ามสายพันธุ์ธุรกิจเพื่อผ่านความท้าทายเหล่านี้ไปให้ได้ ขณะเดียวกันต้องพร้อมเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆจาากนี้ด้วย
“การทำงานวันนี้เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอีก 3 ปีข้างหน้า โควิด-19 เป็นแรงผลักดันให้ดิจิทัลดิสรัปชั่นเกิดเร็วขึ้น” บทสัมภาษณ์บางช่วงของ นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ที่กล่าวถึงการปรับตัวจากบทบาทของผู้ให้บริการท่าอากาศยาน สู่การเป็นท่าอากาศยานครบวงจร
สำหรับ ทอท.เป็นหน่วยงานผู้ให้บริการท่าอากาศยานในไทย 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย และท่าอากาศยานหาดใหญ่ โดยมีรายได้มาจากกิจการการบิน (Aeronautical Revenue) ซึ่งประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศยาน ค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน และค่าเรื่องอำนวยความสะดวก เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ยังมีรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non Aeronautical Revenue) ซึ่งประกอบด้วยรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ ค่าเช่าสำนักงานและค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ และรายได้จากการให้บริการ โดยรายได้ทั้งหมดนั้นจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง มีตัวแปรสำคัญจากการเดินทางของผู้โดยสาร จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงของการเกิดโรคโควิด-19 ที่ผู้โดยสารไม่สามารถเดินทางได้ รายได้ของ ทอท.ปรับลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ เป็นผลให้กระแสเงินสดในมือลดลงจาก 7.7 – 7.8 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันเหลืออยู่ราว 1.1 หมื่นล้านบาท
นิตินัย เผยถึงทิศทางการดำเนินงานของ ทอท.หลังจากนี้ว่า วันนี้ ทอท.กำลังเตรียมการในเรื่องของการเพิ่มรายได้ Non Aero เพิ่มสัดส่วนจาก 43% ให้เป็น 50% เพื่อทำให้การเติบโตของ ทอท.เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งตัวแปรสำคัญจากการเปลี่ยนแปลงของโควิด-19 คือการปรับตัวสู่ดิจิทัล โดยขณะนี้ ทอท.กำลังพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม ที่จะทำให้ ทอท.ไปได้ไกลกว่าการหารายได้จากการบิน
“เรามีผู้โดยสารเดินทางผ่านเข้าออกสนามบิน อย่างสุวรรณภูมิ ปีละกว่า 64 ล้านคน ในช่วงที่ยังไม่เกิดโควิด-19 แต่ที่ผ่านมาเราทำหน้าที่เพียงบริการผู้โดยสารที่จะเกิดทางผ่านสนามบิน แต่ไม่ได้เก็บพฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อนำไปพัฒนาส่วนอื่นๆ ซึ่งหลังจากนี้ดิจิทัลแพลตฟอร์มจะทำให้เราสามารถเก็บพฤติกรรมผู้บริโภค นำไปพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์ผู้โดยสารมากขึ้น”
โดยเป้าหมายของการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มของ ทอท. คือการผลักดันให้ ทอท.เป็นสนามบินที่อยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน ไม่เพียงใช้บริการเพื่อการเดินทางเท่านั้น แต่จะเชื่อมต่อบริการให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค มีบริการครอบคลุมตั้งแต่การใช้งานภายในสนามบิน ตลอดจนวางแผนการเดินทาง ร้านค้า ร้านอาหาร และเกมส์เพื่อสะสมคะแนนรับโปรโมชั่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้โดยสารอยู่กับ ทอท.ในชีวิตประจำวัน
นิตินัย ยังเผยด้วยว่า ดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ ทอท.กำลังพัฒนาจะเปิดตัวคือแอพพลิเคชั่น “SAWASDEE by AOT” จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เริ่มต้นด้วยบริการที่ผู้โดยสารจะได้รับความสะดวกสบายตลอดการใช้บริการสนามบิน อาทิ เตือนรับกระเป๋า เช็คเที่ยวบิน จองแท็กซี่ หาตำแหน่งห้องน้ำ รวมทั้งเช็คคิวด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ขณะเดียวกันจะมีบริการที่ ทอท.ร่วมกับพันธมิตร อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวผ่านระบบ AI สามารถเห็นแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบเสมือนจริง และ ทอท.ยังอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรร้านค้า และร้านอาหารในไทย เพื่อจัดทำโปรโมชั่น
ขณะที่แผนพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มในระยะต่อไป หากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลงแล้ว ทอท.จะเดินทางไปเจรจากับสนามบินพันธมิตรในข้อตกลงความร่วมมือระหว่างท่าอากาศยาน (Sister Airport Agreement) โดยปัจจุบันมีจำนวน 16 สนามบิน ใน 9 ประเทศทั่วโลก อาทิ ท่าอากาศยานมิวนิก(เยอรมัน) ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน (เกาหลีใต้) ท่าอากาศยานนาริตะ (ญี่ปุ่น) ท่าอากาศยานปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ (จีน) เป็นต้น
ทั้งนี้ การต่อยอดความร่วมมือด้านดิจิทัลแพลตฟอร์มกับพันธมิตรสนามบินต่างประเทศนั้น ทอท.จะจัดทำในรูปแบบของการเสนอขายสินค้าและบริการจากประเทศปลายทางที่ผู้โดยสารจะเดินทางไป โดยสามารถถทำการสั่งจองสินค้าและบริการผ่านแอพพลิเคชั่น AOT เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก ประหยัดเวลาในการรอรับบริการเมื่อเดินทางถึงประเทศปลายทาง ส่วน ทอท.จะได้รายได้จาก Revenue Sharing หรือการแบ่งรายได้
“ต่อไปการค้า AOT จะไม่มีพรมแดน ผู้โดยสารสามารถเลือกซื้อสินค้าและบริการจากสนามบินพันธมิตรของเราได้ผ่านแอพพลิเคชั่น ทำให้โลกเสมือนจริงใหญ่ขึ้นจริง เป็นการขยายฐานผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องรอการเดินทาง เพราะหากนับเพียงผู้โดยสารของสนามบินจากจีน แต่ละปีก็มีผู้โดยสารเดินทาง 120 ล้านคน หากเราสามารถเชื่อมต่อดิจิทัลแพลตฟอร์มนี้ได้ จะมีผู้ใช้บริการเข้ามาใช้แอพพลิเคชั่น เลือกซื้อสินค้าและจองบริการผ่านเรามากขึ้น”
นิตินัย กล่าวอีกว่า สิ่งที่ ทอท.คาดหวังหลังการเปิดตัวดิจิทัลแพลตฟอร์ม มั่นใจวว่าหลังเปิดตัวจะมียอดดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น AOT เพิ่มขึ้นเป็น 1-2 ล้าน จากปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดอยู่ราว 6 แสน และผลที่จะตามมาจากการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มนี้ คือการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง อีก 2 ปีข้างหน้ารายได้ Non Aero ของ ทอท.จะเพิ่มเป็น 50% สามารถครอบคลุมรายได้ในองค์กรได้ 100% ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น รายได้ด้าน Aero จะกลายเป็นรายได้ของแถม