“พฤกษา” ยุบเหลือ 13 แบรนด์ ”บ้าน-คอนโด” สร้างความจดจำ ปีหน้าเปิดตัว ”พลัม รามอินทรา” 3 พันยูนิตติดรถไฟฟ้า
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2564 นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสสุดท้ายคาดว่าผู้ประกอบการจะแข่งจัดแคมเปญ เพื่อเร่งปิดยอดขาย ลูกค้าจะได้ประโยชน์
ล่าสุดบริษัทนำบ้านและคอนโดฯ 140 โครงการ จัดโปรโมชั่น “ลดเด็ด พิเศษ ใหญ่ ไม่งอก” ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ตั้งเป้าจะมียอดขาย 5,400 ล้านบาท ทำให้ไตรมาาส4 จะมีรายได้ 12,000 ล้านบาท มาจากการโอน 7 โครงการและจัดทำโปรโมชั่นดังกล่าว ส่วนรายได้ทั้งปีคาดว่าอยู่ที่ 32,000 ล้านบาท ยังต่ำกว่ารายได้ก่อนมีโควิด ขณะที่ปีหน้าทำแผนธุรกิจไว้ทั้งรุกและเพลย์เซฟ
“ตลาดปีนี้มองว่าบวก 5% ปีหน้าน่าจะเติบโตกว่า 10% เพราะติดลบ 60% มา 2 ปีแล้ว ถ้าเปิดประเทศมีต่างชาติเข้ามา คอนโดมิเนียมคงจะดีขึ้น ส่วนแนวราบดีอยู่แล้ว ซึ่งกำลังซื้อระดับกลาง มีรายได้ 30,000 -100,000 บาท ยังมีอยู่ แต่ที่หายไปคือกลุ่มลูกค้ารายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท และระดับบนชะลอการซื้อ ระดับล่างติดเรื่องหนี้สินครัวเรือน และกู้ไม่ผ่านเยอะ คอนโดมิเนียมจะถูกรีเจ็กเรต30% เพราะคนซื้อเก็งกำไรกันเยอะ ”
นายปิยะกล่าวอีกว่า นอกจากนี้บริษัทยังได้ยุบแบรนด์โครงการบ้านและคอนโดมิเนียม จากกว่า 20 แบรนด์ เหลือ 13 แบรนด์ เหลือเท่าที่จำเป็น คนจะได้จำได้ เวลาลงทุนเรื่องแบรนด์จะได้ไม่กระจาย ไม่แข่งกันเอง ที่ยุบไป เช่น คอนโดมิเนียมแบรนด์ฟิวส์ ,เออร์บาโน่ เป็นต้น
“ตอนนี้ทาวน์เฮ้าส์ จะมีแบรนด์บ้านพฤกษา เดอะคอนเนค พาทิโอ ส่วนบ้านเดี่ยว มีเดอะแพลนท์ ภัสสร เดอะปาล์ม คอนโดมิเนียมมีพลัม เดอะไพรเวซี่ เดอะรีเซิร์ฟ และแชปเตอร์”
นายปิยะกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรค้าปลีก เช่น เซ็นทรัล พัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์บนที่ดินหน้าโครงการบ้านพฤกษา อเวนิว อาจจะเป็นลักษณะเช่าหรือร่วมกันลงทุน นำร่องย่านบางนา ใกล้วงแหวน มีเนื้อที่หลาย 100 ไร่ พัฒนาเป็นโครงการร่วม 10โครงการ ราคา 2-30 ล้านบาท นอกจากที่อยู่อาศัยแล้ว ด้านหน้าจะพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ จะมีโรงพยาบาลวิมุต ศูนย์สุขภาพ เพื่อรองรับลูกบ้านของโครงการ
รวมถึงยังมีแผนซื้อโรงแรมมาบริหารสร้างรายได้ระยะยาว เป็นแผนธุรกิจอีกสเต็ปของบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง หลังจากที่ได้ขยายธุรกิจโรงพยาบาลวิมุตแล้ว สนใจจะซื้อโรงแรมและอพาร์ทเมนต์มาบริหาร สร้างรายได้ระยะยาว จากการให้เช่า มาเสริมนอกจากอสังหาฯและโรงพยาบาล
“กำลังศึกษา เป็นการลงทุนใหม่ เราบริหารพอร์ต อสังหา ขาหนึ่ง โรงพยาบาลขาหนึ่ง และมีธุรกิจให้เช่าอีกขาหนึ่ง เช่น อพาร์ทเมนต์ โรงแรม ยังไม่จบดีล ช่วงนี้ธุรกิจเช่าก็ไม่ดีและถูกดีสรัปด้วยคอนโดมิเนียม เพราะคอนโดมิเนียมลดราคาเยอะ ผ่อนถูกกว่าเช่า”นายปิยะกล่าวและว่า
ในปี2565 บริษัทจะเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการ”พลัม รามอินทรา “ ติดถนนรามอินทรา เยื้องกับฟู้ดแลนด์ ใกล้เซ็นทรัล พลาซา รามอินทรา และสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู เนื้อที่ประมาณ 7-8 ไร่ จำนวน 3,000 ยูนิต พัฒนา 2 เฟส ราคาเริ่มต้น 1 ล้านปลายๆ
-ขายที่ดิน
จริงๆเรามีที่ดินค่อนข้างมาก บางเซ็กเมนต์ยังพัฒนาตอนนี้ไม่ได้ อย่างที่ดินสุขุมวิท 18 พัฒนาต้องรารางเมตรละ 2 แสนกว่า ต้องรออีก 2-3 ปี ถ้าขายได้เราก็ขาย ถ้าไม่ได้เราก็รออีกสัก 2-3 ปีค่อยพัฒนา อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เราไม่ได้ปรับกลยุทธ์อะไร ถ้าขายได้บางคนก็อาจจะไปทำอย่างอื่น ถ้าเราไม่ขายอีก 2 ปีเราก็มาเปิดโครงการ เพราะช่วงนี้เซ็กเม้นต์บนๆพอขายในช่วงนี้ราคากว่า 2 แสนคนซื้อลำบากเศรษฐกิจแบบนี้ อีก 2 ปีคงจะดี เรามีแผนจะทำคอนโด 2 อาคาร แต่ทำเลนั้นซัพพลายยังเยอะอยู่ ตัดสินใจยากเลยชะลอไว้ก่อน เพราะลงทุนไปต้องใช้เงิน 7-8 พันล้าน ตรงนั้นเป็นแบรนด์เดอะรีเซิร์ฟ ราคากว่า 2 แสนบาทต่อตารางเมตร ขายไป 4 ไร่ 2212 ล้านบาท ไม่มีปัญหาติดข้อกฏหมายอะไร
-ที่ดินมีเยอะมูลค่าเท่าไหร่
ตอนนี้มีอยู่ในมือเกือบ 2 หมื่นล้าน มีหลายมิติทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโด ส่วนใหญ่ในกทม. 80% ต่างจังหวัด เช่น ชลบุรี ระยอง เชียงใหม่ โคราช ภูเก็ต ขอนแก่น เพียงแต่ต่างจังหวัดในช่วงนี้ก็ไม่ค่อยดี จะลดพอร์ตต่างจังหวัดลง เพราะว่าช่วงนี้ยังไม่แมตที่จะพัฒนา ต่างจังหวัดช่วงนี้เหมือนเศรษบกิจประเทศเรา ทำให้ฐานรายได้ผู้มีรายได้น้อยไม่ค่อยดี เลยต้องลดพอร์ตที่ดินไปชั่วคราวก่อน หรืออนาคตทิ้งที่ดินไว้ แล้วอีก 2-3 ปีค่อยมาพัฒนา
-นำที่ดินมาขายไม่ได้โละ ขอกำเงินสดไว้ก่อนหรือไม่
ใช่กำเงินสดไว้ก่อน ซึ่งกระแสเงินสดเรา ดีอีแค่ 0.5 ถือว่าดี เอ็ฟเฟ็กต์ก็ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่มีเงินสดได้ก็ดี เราเลือก 2 ออปชั่นจะพัฒนาหรือขายเก็บเงินสดไว้
ปัจจุบันคัดมาขายประมาณหมื่นล้าน ขายยากช่วงนี้คนไม่ค่อยมีเงินสดกัน แต่ถ้าบางคนบางธุรกิจซื้อไปถือว่าเป็นราคาที่ดี เราไม่ได้ปรับลดราคา เราเองก็ทำโครงการไม่ได้ ช่วงนี้คนเงินสุดในมือมีน้อย ตรงสุขุมวิท วาละ 1.3 ล้าน มีสีลมอีกเท่ากัน จะมีออปชั่นคล้ายกัน เพราะเศรษฐกิจแบบนี้เช็กเมนต์บนต้องพักไว้ก่อนสัก 2 ปี โครงการคอนโดมิเนียมขายตารางเมตรละ 2 แสน ต่างประเทศเข้ามาน้อย ขายไม่ค่อยดี
แผนการเปิดโครงการเราเปิดตลาดระดับกลาง 3-5 ล้านบาท เรียลดีมานด์ คนอยู่จริง
-ตลาดบนชะลอเลย
สินค้าระดับบนตอนนี้ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับเขา ตอนนี้สัดส่วนแนวราบ 70% แนวสูง 30%
เรายังซื้อที่ดินมากอยู่ เราต้องการที่ดินมีโพเดียลเซียล เปิดได้เลย โครงการอาจจะไม่ใหญ่ เล็กๆ แต่เยอะและกระจาย เราขายขณะเดียวกันเราก็ซื้อเยอะเหมือนกันที่ดินที่ทำเลดี มีกำลังซื้อต่อเนื่อง
-แฮปปี้แลนด์
มีคดีกับเจ้าของที่ดิน คงไม่เปิดโครงการแล้ว เราเพิ่งชนะคดี ช่วงนี้ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะโซนนี้โอเวอร์ซัพพลาย เลยชะลอไว้ก่อน เดิมจะทำคอนโดพลัม ตรงนี้ 12 ไร่
-ประกาสซื้อโรงแรม
เป็นอีกธุรกิจหนึ่ง กำลังทำแผนธุรกิจรายได้ระยะยาว กำลังศึกษาเป็นของPHS เรื่องของเรคเคอรี่อินคัม การให้เช่าต่างๆ มาเสิรมนอกจากอสังหา และโรงพยาบาล ทำมาปีที่แล้ว กำลังศึกษา เป็นการลงทุนใหม่ เราบริหารพอร์ต อสังหา ขาหนึ่ง โรงพยาบาลขาหนึ่ง และมีธุรกิจให้เช่าอีกขาหนึ่ง เป็นธุรกิจใหม่ มีหลายเรื่อง เช่น อพาร์ทเมนต์ โรงแรม ยังไม่จบดีล ช่วงนี้ก็ไม่ดีด้วย แต่อาจจะได้ของถูก แต่พวกเช่าไม่ค่อยดีด้วยเช่นกัน เรามองทำเลกระจาย แต่ธุรกิจนี้ถูกดิสทรัปด้วยคอนโด เพราะราคาถุกมาก เราเองก็ดีสปทรัปตัวเราเองเช่นกัน เพราะเรามีพลัมที่ให้เช่าถุกมาก หอพัก ซื้อยังดีกว่าเช่าอีก ยิ่งช่วงนี้คอนโดลดเยอะด้วย ถ้ามีศักยภาพในการซื้อจะได้ของถูก
-สต๊อกคอนโดเหลือเยอะ
ปีที่แล้วเรามีตั้ง 2 หมื่นกว่าล้าน ตอนนี้เราเคลียร์ได้ค่อนข้างเยอะแล้ว เหลือ 4-5 พันล้าน เคลียร์ไปได้หมื่นกว่าล้าน หายไปเยอะเลย เพราะยอดขายปีนี้เราขึ้นมาเยอะเลยเคลียร์สต็อกได้ค่อนข้างมาก ทุกตลาดเลย ทำราคานิดหนึ่งก็ลดได้เยอะเลย จัดโปรโมชั่นและใช้ดิจิทัล และราคาบางส่วนถึงทำให้ระบายเร็ว ใช้ดิจิทัลด้วย และได้ผล
-ช่องทางการตลาด รายได้2 หมื่น
เมื่อก่อนลูกค้าเรามีตั้งแต่ 1หมื่นถึงหลายล้าน ตอนนี้ลูกค้าฐานล่าง 1-2 หมื่นจะมีปัญหา เรื่องการกู้ เราจะช่วยเขานิดหนึ่ง ปิดหนี้ สุขภาพการเงินเขา ทีมวินแบล็ก win back ดูให้ลูกค้าอยู่ ให้เขากู้ผ่าน เดินบัญชี แล้วกลับเข้ามา เราโควกับแบงก์ไว้ เป็นการทำสุขภาพการเงิน ทำมา 2-3 ปี ค่อนข้างเวิร์ค ช่วยได้
-กลุ่มนิสิตจุฬา
ไพเวซีท่าพระ นั่งรถไฟฟ้ามา 10 นาทีเอง เพราะว่าจริงๆเราเคยขายแถวจุฬาหลายตัวมาก แถวนั้นคอนโดค่อนข้างเยอะ ท่าพระดูเหมือนจะไกล แต่เวลานั่งรถไฟฟ้ามา 3-4 สถานี สายสีน้ำเงิน ลงสามย่าน นิสิตก็สะดวก เวลา 10 กว่านาทีเอง เรามีพลัมรังสิตเหมือนกัน เจาะนักศึกษาธรรมศาสตร์ กรุงเทพ ส่วนใหญ่คนซื้อคือนักลงทุนยีล 7-8% เราขายก็หานิสิตให้เลย เช่า 40-50% บางที่แถวม.กรุงเทพฯ ธรรมศาสตร์ 70%ที่เช่า ยีลดี ทำงานที่บ้าน ยังอยู่ที่คอนโด เรียนออนไลน์ก็อยู่คอนโดเช่นกัน ในภาวะเศรษบกิจแบบนี้ ยังมีนักศึกษาเช่าอยู่ ยีล 7-10% ผมว่าดี เช่าไปสักพักก็ขายได้ คอนโดแบบนี้จะดี แต่ต้องรองรับสถานศึกษา
-สถานการณ์อสังหาโค้งสุดท้าย
คงแข่งกัน แคมเปยกระฉุด ไตรมาส4 จะแข่งขันมากสุดอยู่แล้ว แต่ลูกค้าจะได้ประโยชน์ ถ้ามีเงินซื้อช่วงนี้ลงทุนยังไงก็คุ้ม ของดีๆทั้งนั้น ทุกบริษัทคงออกมาเต็มที่กัน ของเราคาดว่าเรามีแคมเปญ ลด ลด เด็ด ลูกค้าโอเค ได้ประโดยชน์เยอะ เรื่องดอกเบี้ยต่างๆ
3เดือนจะทำรายได้เรามีโอน 7 ตึก จะโอนเยอะ ที่ผ่านมาโอนไตรมาสละ7000 ล้าน ไตรมาสสีน่าจะ 1.2 หมื่นล้านมี ตึกเสร็จอีก 7 ตึก โอนในไตรมาสสุดท้ายนี้ ประเมินรายได้ทั้งปีแนวราบ 70% สูง 30% รับรู้รายได้ทั้งปี 3.2 หมื่นล้าน
-แผนปีหน้า
ทำไว้แล้ว รอประกาศ ทำแบบไว้สองอย่างทั้งเพลเซฟ และรุก เพราะปีนี้มองว่าบวก 5% ปีหน้าน่าจะเติบโต 2 รีจิก เพราะติดลบมา 2 ปีแล้ว ปีนี้โต 5% ปีหน้าจะ10กว่า% ผ่านจุดติดลบ 60% มาสองปีแล้ว ถ้ามีต่างชาติมา คอนโดคงจะดีขึ้น แนวราบดีอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว คนชั้นกลางรายได้ 30,000 -100,000 บาท ยังมีอยู่ ที่หายไปจะต่ำกว่า 3 หมื่นหรือรวยไปเลยระดับบนชะลอการซื้อ แต่ระดับล่างยังติดเรื่องหนี้ ปีหน้าถ้ามีต่างชาติเข้ามาน่าจะช่วย เรามีมาตรการอสังหาที่ให้ต่างชาติ 10 ปีน่าจะช่วยตรงนี้ได้ รัฐยืดค่าธรรมเนียมก็ช่วยกระตุ้นให้ดีขึ้นอีกแรงหนึ่ง ปีหน้าเป้าเราน่าจะโต
รายได้ 32000 ล้าน เทียบกับก่อนหน้านี้เราลดลงมาตามสภาวะตลาด รายได้เราลดลงมา ปีที่แล้วลดลงมามากมีโควิดกลางปี ช่วงไตรมาสแรก ปีนี้ก็ขึ้นมาแล้ว ปีหน้าตลาดหรูเบรกไว้ก่อน เน้นระดับกลาง 3-5 ล้าน ที่น่าสนใจ
-มีต่ำกว่าล้านหรือไม่
ช่วงนี้คนกลุ่มนี้กระทบเยอะไม่น่าผ่านเรื่องสินเชื่อ เพราะเศรษฐกิจแยะกลุ่มชั้นล่างจะกระทบมากสุด พลัมคอนโดที่ค่อนข้างดีอยู่ใกล้มหาลัยจะขายดี ถ้าระดับล่างเกิน ไม่มีนักลงทุน ไม่มีมหาลัยจะค่อนข้างแย่เหมือนกัน
-รีเจกชั่นเรต
แนวราบไม่ถึง 10% เพราะเราพรีแอฟปรู๊ฟเยอะ ถ้าเป็นคอนโด30% ถือกว่าเยอะ ส่วนใหญ่กลุ่มซื้อเก็งกำไร มีติดแอลทีวี เดิมเก็งกำไรหลายห้อง แต่เศรษฐกิจแบบนี้อาจจะไม่ซื้อเยอะ แค่ห้องเดียว เพราะว่าเหมือนกู้แบงก์ได้ แต่เรื่องแอลทีวีมาเรื่องแบบนี้ก็หายไป พอโควิดมา สินค้าไม่จำเป็นก็หายไปด้วย ที่หายไปเยอะๆ คือ ต่างชาติที่เข้ามาดูไม่ได้ ออนไลน์ช่วยขาย แต่ยังไงสินค้าจะต้องมาดู เพราะบ้านไม่ใช่ของถุก ถ้าคนเคยมาดูจะปิดด้วยออนไลน์ก็ได้ แต่เรื่องโอนไม่มีปัญหา แต่ที่ซื้อใหม่ไม่มีคนมาดูจะมีปัญหา แต่ถ้าเปิดประเทศจะช่วยได้
-ไม่สนใจซื้อที่ดินตลาดโชคชัยสี่
กำลังดีลอยู่ ตรงตลาด ยังไม่จบ ติดถนนเลย ช่วงนี้คนตัดสินใจลงทุนดร็อปที่ดินคงปล่อยยาก ถ้าโลเคชั่นในเมืองดีๆ ติดรถไฟฟ้าไม่ลดราคา แต่ถ้าแปลงเกรดเอไม่ลด เกรดบี ซีอาจจะลด
-สายสีแดง มีโครงการ
มีเปิดตรงสถานีหลักสี่ เปิดพลัม แจ้งวัฒนะ ดอนเมือง แถวสถานีหลักสี่ อยู่ในซอย ใกล้ไอทีสแควร์ ขายล้านต้นๆ เป็นพลัมคอนโด เปิดขายเดือนกันยายนนี้ เป็นที่ดินซื้อมา 2-3 ปีแล้ว
มีลักษณะพลัมแจ้งวัฒนะ ไม่เสี่ยง
-ไม่ทำคอมมูนิตี้มอลล์
อยากจะหาจอยเวนเจอร์มากกว่า คงไม่ทำเอง คุยกับ 2-3 เจ้า เช่น เซ้นทรัล เขามาเช่าเราหรือลงทุนรว่มกัน เช่าพื้นที่หน้าโครงการ เขาบริหารจัดการเลย ที่คุยกันมีหลายที่เป็นอเวนิวอยู่หลายที่ ล่าสุด เจโม บางนา ด้านหน้ามีรพ. ด้วย มีโครงการตั้งแต่ 2 -30 ล้านบาท มี 10 โครงการ กำลังคุยกับเซ้นทรัล ยังไม่จบ ที่นี่เราทำกับวิมุต ด้านหน้า ทำเรื่องสุขภาพดูแลลูกค้าด้วย เป็นหลาย 100 ไร่อยู่วงแหวนใกล้บางนา ไปทางสุวรรณภูมิ เข้าในเมืองใช้มอเตอร์เวย์ได้
-อยากให้รัฐบาลช่วยเศรษฐกิจ กระทุ้งตรงไหน
ที่ทำก็ไม่โอเค (ห้าม) วัคซีนช่วงหลังเริ่มดีขึ้น กระบวนการเดิมเรื่องจัดซื้อเลยทำให้ช้า ถ้าปล่อยให้ฟรีกว่านี้ เร็วกว่านี้คงจบไปแล้ว ผูกแค่เจ้าเดียว ไม่ได้ให้ประชาชนเลือก เข้าใจว่าได้เร้ว แต่ควบกับคุณภาพด้วย
ข้อเสนอแนะ ฉีดวัคซีนเรื่องใหญ่ เรื่องให้ต่างชาติมาอยู่เมืองไทย ก็ดี โดยเฉพาะคนมีโพเดียลเชียล เราใช้วีซ่า ทำได้จะดี ส่งเสริมเรื่องสุขภาพให้เป็นเซ็นเตอร์ จริงๆ เพราะไทยเป็นศูนย์กลางด้วย