กรุงเทพฯ, 22 เมษายน 2565 – วันคุ้มครองโลกนี้ ยูนิลีเวอร์ได้ประกาศเปิดตัวโครงการ Easy Green ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านความยั่งยืนของยูนิลีเวอร์กับลาซาด้าเป็นเวลา 3 ปี เพื่อให้ผู้บริโภคในประเทศไทยหลายล้านคนเข้าถึงวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ระดับโลกของยูนิลีเวอร์ในการทำให้วิถีการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ซึ่งหลักการสำคัญ 2 ประการของความร่วมมือในครั้งนี้จะรวมถึง การแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคเพื่อเข้าใจถึงปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับกลุ่มผู้ซื้อออนไลน์ในการช้อปปิ้งออนไลน์ของพวกเขา ตลอดจนการพัฒนาโซลูชั่นที่สอดคล้องกันเพื่อทำให้การซื้อผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนทำได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
ในปี 2564 ยูนิลีเวอร์ได้ทำการสำรวจจากการสอบถามกับผู้บริโภคทางออนไลน์ทำให้ค้นพบว่า การมีอยู่อย่างจำกัดของผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน ข้อมูลที่ไม่เพียงพอของฉลากเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน และการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มากเกินไป ล้วนเป็นข้อกังวลอันดับต้นๆที่ถูกระบุโดยกลุ่มผู้ซื้อออนไลน์ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยูนิลีเวอร์จึงออกแบบฉลาก Easy Green เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเราในชีวิตประจำวันเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ โดยช่วยให้พวกเขาสามารถแยกแยะผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ง่ายและทำการซื้อได้สะดวกขึ้น เพื่อสอดคล้องกับที่การช้อปปิ้งออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากขึ้น โดยยูนิลีเวอร์จะเปิดตัวฉลาก Easy Green ในผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน (Home Care) ผ่านร้าน LazMall Flagship ของยูนิลีเวอร์ ในประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม
ผลิตภัณฑ์ดูแลบ้านที่มีฉลาก Easy Green ต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์อย่างน้อยหนึ่งข้อดังต่อไปนี้
- ความสามารถในการย่อยสลายทางชีวภาพ (Biodegradability): สูตรผลิตภัณฑ์ต้องย่อยสลายได้ทางชีวภาพอย่างน้อย 99%
- ความสามารถในการหมุนเวียน (Renewability): สูตรผลิตภัณฑ์ต้องเป็นไปตามแหล่งคาร์บอนหมุนเวียนหรือรีไซเคิลได้อย่างน้อย 50%
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Reduced greenhouse gases GHG):ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อย 10% ในผลิตภัณฑ์เมื่อเทียบกับสูตรก่อนหน้า
- ใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ดีขึ้น น้อยลง หรือไม่ใช้เลย โดยที่:
- Better Plastic การใช้พลาสติกที่ดีกว่า หมายถึง เมื่อบรรจุภัณฑ์ขวดพลาสติกใช้พลาสติกที่ผ่านการรีไซเคิลหลังการบริโภค (PCR) อย่างน้อย 80% หรือหากมีปริมาณ PCR ที่ใช้ในบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบยืด เช่น ถุงหรือซองเติม
- Less plastic ใช้พลาสติกให้น้อยลง หมายถึง การใช้พลาสติกบริสุทธิ์น้อยกว่า 5% เมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์แบบก่อนๆ
- No Plastic การยกเลิกการใช้พลาสติกโดยสิ้นเชิง หมายถึงการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ใช้กระดาษเป็นหลัก
นางสาววรพักตร์ บรรเลงจิต รองประธานฝ่ายพัฒนาการตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เราออกแบบฉลาก Easy Green เพื่อให้บริการกลุ่มผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทางออนไลน์ได้ดียิ่งขึ้น สอดคล้องกับการริเริ่มโครงการอนาคตสะอาด (Clean Future) ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่เป็นมิตรต่อผู้คนและโลกใบนี้ในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งรวมถึงแนวทางของเราในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ นำกลับมาใช้ใหม่ได้ และใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ดีขึ้น น้อยลงหรือไม่ใช้เลย ด้วยความมุ่งมั่นที่กล้าหาญของเราทำให้ได้มาพบกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างลาซาด้า และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากลุ่มผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ในประเทศไทยของลาซาด้าจะสนับสนุนวิสัยทัศน์เกี่ยวกับโครงการอนาคตสะอาด (Clean Future) ของเรา”
เพื่อร่วมในการเปิดตัวโครงการ Easy Green ยูนิลีเวอร์ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ ให้ผู้บริโภคได้ช้อปยกกำลังสุดคุ้ม พร้อมช่วยลดขยะกล่องพัสดุ ลดสูงสุด 33% ช้อปได้ที่ https://www.lazada.co.th/shop/unilever-home/
ยูนิลีเวอร์ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานในท้องถิ่นเพื่อดำเนินโครงการด้านความยั่งยืนที่สำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับจุดประสงค์ของโครงการ หน่วยงานที่เข้าร่วมในแต่ละประเทศ ได้แก่
1.โครงการคุ้มค่า x ยูนิลีเวอร์ แยกดีมีแต่ได้ (ไทย), ยูนิลีเวอร์ร่วมกับเอสซีจี (SCG) รวบรวมขยะพลาสติกชนิดแข็ง (HDPE) นำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลเป็นขวดบรรจุภัณฑ์พลาสติกใหม่
2.Anteraja (อินโดนีเซีย), เพื่อรวบรวมขยะพลาสติกจากครัวเรือนส่งไปยังธนาคารขยะและนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล
3.Kloth Lifestyle (มาเลเซีย), เพื่อสนับสนุนการอัพไซคลิ่ง (Upcycling) ขยะพลาสติกเป็นผ้าขนหนูใหม่
4.WWF (ฟิลิปปินส์), เพื่อรวบรวมและป้องกันขยะพลาสติกไม่ให้ลงสู่แหล่งน้ำบริเวณชายฝั่งดอนซอล
5.Habitat for Humanity (สิงคโปร์), สนับสนุนการบริจาคอุปกรณ์ทำความสะอาด เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูบ้านอย่างเร่งด่วน สำหรับครอบครัวที่อ่อนแอ พลิกโฉมบ้านเรือนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
6.โครงการ “Dirt for Good ของโอโม – มูลนิธิ Green Shield แห่งเวียดนาม” (เวียดนาม): ทุกการสั่งซื้อสินค้าจะช่วยสนับสนุนการปลูกต้นไม้ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่