ในช่วงที่สินค้าอุปโภคบริโภคปรับราคาแพงขึ้นต่อเนื่อง สวนทางรายได้ที่ทรงตัวไม่พอใช้จ่าย ทำให้เวลานี้คนไทยต้องเผชิญภาวะค่าครองชีพพุ่งสูงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นหลายๆท่านจำเลือกที่จะลงทุนอะไรสักอยากเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตัวเองดังนั้นในวันนี้ทาง moneyguru จะมาแนะนำแนวทาง วิธีลงทุนทองคำ สำหรับมือใหม่ทำได้แน่นอน 100 % โดยเมื่อท่านอ่านบทความนี้จบเราการันตีได้เลยว่าจะจะสามารถลงทุนทองได้อย่างแน่นอน…
วิธีลงทุนทองคำ สำหรับมือใหม่ทำได้แน่นอน 100 %
การลงทุนรูปแบบการออมและให้ผลตอบแทนด้วยนั้น เชื่อว่าจะเป็นทางเลือกให้กับในหลายคน แต่การลงทุนที่หลายคนคุ้นเคยและเข้าถึงได้ง่าย น่าจะนึกถึง ” ทองคำ ” อาจจะเป็นการซื้อทองเพื่อเก็บสะสมเป็นทรัพย์สิน เผื่อในยามฉุกเฉินก็ยังสามารถนำไปขายแลกเป็นเงินสดได้ หรือ จะเป็นการออมทอง ผ่านกองทุน หรือ การซื้อทองแบบผ่อนชำระ ที่ค่อยๆผ่อนชำระเป็นงวดๆ เมื่อครบราคามูลค่าที่อยากได้ ก็จะได้ทองคำที่เป็นเส้น หรือ ทองแท่ง ตามที่เลือกผ่อนมาครอบครอง เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มมีหลายร้านร่วมกับพันธมิตร แพลตฟอร์มออนไลน์เปิดให้ซื้อในรูปแบบผ่อนชำระกันมากขึ้น
ไปซื้อที่ร้านขายทองแบบปกติ
สำหรับช่องทางปกติที่คนส่วนใหญ่นิยมนั้นคือการที่กำเงินไปที่ร้านทอง จากนั้นท่านก็แค่เลือกทองที่ท่านชอบ จ่ายเงิน ก็ได้ทองคำมาครอบครองทันที โดยปกติร้านทองบางร้านก็จมีให้เลือกซื้อหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบสัญญาถือครองหรือตั๋วทอง, การซื้อทองคำมาเก็บรักษาเอง หรือฝากไว้กับร้านทองที่ไว้ใจได้ แต่สิ่งที่หลายๆท่านไม่ทราบว่าหากซื้อทองคำแท่งน้อยกว่า 5 บาท จะมีค่าบล็อกหรือค่ากำเหน็จเป็นราคา 2% สำหรับการซื้อทองมาเก็บไว้เองก็จะเท่ากับว่าท่านมีทองคำที่เป็นทรัพย์สินของจริง จับต้องได้ ไม่ต้องเสียค่าฝากหรือค่าดูแลจากร้านทองแต่ต้องแลกมากับความกังวลว่าจะหายหรือหลงลืม นอกซะจากมีตู้เซพเก็บรักษามีรหัสป้องกัน แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องความเสื่อมสภาพ เสื่อมราคาหากเก็บรักษาไม่ดีอีกด้วย
ออมทองกับร้านทอง
ปัจจุบันยังมีบริการซื้อทองแบบ ออมทอง โดยสามารถซื้อทองแบบค่อยๆเก็บสะสม ได้ในจำนวนเงินทีละน้อย ๆ ขั้นต่ำเพียงเดือนละ 1,000 บาท หรือบางร้านอาจเริ่มต้นหลักสิบบาท โดยจะได้ปริมาณทองตามราคาตลาดในวันที่ออม เก็บสะสมไปเรื่อย ๆ จนครบบาทก็สามารถ ถอน ทองที่ออมไว้จากร้านในรูปแบบทองคำแท่ง หรือขายคืนเป็นเงินสดเพื่อทำกำไรก็ได้ สำสำหรับการทำกำไรจากส่วนต่างนั้นคือ การขายทองคำเมื่อราคาทองในตลาดสูงกว่าตอนที่เราซื้อ โดยราคาในการซื้อขายทองคำแท่งตามประกาศของสมาคมค้าทองคำฯ ในวันเดียวกันราคาขายจะสูงกว่าราคารับซื้อคืน อย่างน้อย 100 บาท ซึ่งเมื่อคิดรวมส่วนต่างราคาซื้อขาย ค่ากำเหน็จ และค่าบล็อกต่าง ๆ แล้ว การจะทำกำไรจากการซื้อทอง ควรจะต้องขายเมื่อราคาทองสูงขึ้นอย่างน้อย 300-500 บาท เป็นต้น แต่การคาดคะเนว่าช่วงไหนจะได้กำไรมากหรือน้อย อาจจะต้องอาศัยประสบการณ์ประกอบด้วย
สิ่งที่ควรรู้ในการออมทอง
- ควรเลือกออมในทองคำแท่ง ดีกว่าทองรูปพรรณ : การซื้อทองคำแท่งไม่ยาก มีเงินก็เดินไปซื้อที่ร้านทองได้เลย ข้อดี คือ ทองคำแท่งจะมีราคาที่ถูกกว่าทองรูปพรรณในน้ำหนักที่เท่ากัน เนื่องจากจะไม่เสียค่ากำเหน็จ และราคาซื้อกับราคาขายจะต่างกันไม่มาก แต่การเก็บรักษาก็อาจจะมีความยุ่งยากสักหน่อยเพราะต้องมีต้นทุนค่าเก็บรักษา เช่น ถ้ามีทองคำแท่งมากๆ อาจจะต้องนำไปฝากกับตู้นิรภัยของธนาคาร ก็จะเจอค่าธรรมเนียมจากการเก็บรักษา เป็นต้น
- ข้อแนะนำถ้าสะดวกลงทุนในทองรูปพรรณ : ทองคำรูปพรรณ คือทองที่นำมาขึ้นรูปเป็นรูปทรงต่างๆ สร้อยคอ แหวน กำไร วิธีการจะเหมือนกับทองคำแท่งที่มีเงินก็เดินไปซื้อได้เลย ข้อดี คือ สามารถนำมาสวมใส่เป็นเครื่องประดับในโอกาสต่าง ๆ แต่ทองคำรูปพรรณจะมีการเก็บค่ากำเหน็จ ทำให้ราคาซื้อจะสูงกว่าทองคำแท่ง และที่สำคัญราคาอาจตกลงด้วย เมื่อนำมาขายคืน แล้วพบว่าทองมีร่องรอยการถูกใช้งาน
- เลือกลงทุนใน กองทุนรวมทองคำ : เป็นการนำเงินของเราไปลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในทอง ข้อดี คือ เราสามารถใช้กองทุนทองคำเป็นที่พักเงิน เพื่อเลี่ยงความผันผวนของเศรษฐกิจ เพราะราคาทองคำจะไม่เคลื่อนที่ไปทางเดียวกันกับเศรษฐกิจ และเงินเริ่มต้นที่ใช้ในการเข้าลงทุนไม่ได้สูงมาก มีเงินน้อยกว่า 10,000 บาท ก็สามารถเริ่มลงทุนกับกองทุนประเภทนี้ได้ แต่กองทุนทองคำเป็นกองทุนที่มีการลงทุนในทรัพย์สินทางเลือกที่มีความเสี่ยงอยู่ในระดับ 8 (ซึ่งถือว่าเสี่ยงสูง) ดังนั้นการที่จะลงทุนในกองทุนประเภทนี้ จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจเฉพาะทางที่ค่อนข้างเยอะพอสมควร
- ออมทองคำ : การออมทอง หรือออมทองคำ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง เหมาะกับคนที่ไม่มีเงินถุงเงินถังครับ วิธีง่ายๆ เลย คือ เราไปเปิดบัญชีไว้กับร้านทอง แล้วค่อยทยอยนำเงินฝากเข้าไป ร้านทองจะนำเงินฝากของเรา เพื่อไปซื้อทองคำแท่งสะสมเป็นน้ำหนักไว้ สะสมครบ 1 บาท ก็สามารถไปรับทองได้ บางที่เริ่มต้นฝากที่ 1,000 บาท/เดือน เอง ข้อดี คือ เริ่มลงทุนด้วยเงินไม่เยอะ ค่อยๆ สะสมได้ครับ แต่การใช้วิธีทยอยสะสมแบบนี้ ราคาทองในแต่ละรอบก็สวิงไปเรื่อยๆ จึงเหมาะกับคนที่ต้องการเก็บทองแทนการเก็บเงินมากกว่าคนที่ต้องการเก็งกำไรในระยะสั้น
เลือกใช้บัตรเครดิตในการรูดผ่อนทอง
หากเราต้องการซื้อทองรูปพรรณเพื่อใช้ในการสวมใส่ เพื่อเป็นของขวัญหรือมีจุดประสงค์ในการใช้ประโยชน์อยู่แล้ว การรูดผ่านบัตรเครดิตที่มีโปรโมชั่นหรือแคมเปญให้ผ่อนได้ 0% หรือดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติ เช่น 0.99% 10 เดือน ก็สามารถทำได้ แต่ต้องอย่าลืมว่าตอนใช้บัตรเครดิตรูดเพื่อซื้อทองกับร้านทอง ก็จะโดยชาร์ตค่าธรรมเนียมที่ 2.5-3% เช่นกัน หากมีเงินสดใช้เงินสดซื้อจะดีกว่า แต่หากไม่มีและจำเป็นต้องซื้อก็ควรเลือกโปรโมชั่นและแคมเปญที่มีความคุ้มค่า เช่น 0% และเมื่อถึงกำหนดจ่ายคืนในแต่ละเดือนก็ต้องจ่ายให้ตรงเวลาไม่ขาดส่งเพื่อจะได้ไม่โดนคิดดอกเบี้ยราคาแพงด้วย อย่างไรเสียการใช้บัตรเครดิตในการรูดซื้อทองก็เป็นการซื้อทองที่แพงกว่าการใช้เงินสดซื้อแน่นอน นอกจากนี้หลังๆ มีกรณีแบบนี้ให้เห็นกันบ่อยมาก เป็นการใช้ช่องทางการรูดซื้อทองผ่านบัตรเครดิต แล้วขายทองคืนร้านค้าทันทีเพื่อได้รับเงินสดมาใช้จ่ายก่อน ถึงเวลาค่อยหาเงินมาชำระคืนบัตรเครดิตในภายหลัง หากสามารถคืนเงินได้ทันภายในกำหนดชำระก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยด้วย ยอมเสียแต่ค่าธรรมเนียม 2.5-3% ตอนรูดซื้อทอง ร้านทองโดยมากก็ยินยอมให้ลูกค้าทำแบบนี้ได้ด้วย เพราะได้ค่าธรรมเนียมตั้งมากร้านไหนจะไม่เอา
สำหรับดอกเบี้ยของบัตรเครดิต โดยปกติแล้วสถาบันการเงินจะคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อปี สมมุติว่ารูดบัตรเครดิตซื้อทองในราคา 25,000 บาท ดอกร้อยละ 20 = 5,000 บาทต่อปี แต่บัตรเครดิตนับเป็นวันจะตกเฉลี่ยดอกอยู่ที่ 14 บาทกว่าๆ ต่อวัน เบ็ดเสร็จสิ้นเดือนมียอดแจ้งหนี้ = 25,421.35 บาทโดยประมาณ แล้วเราจ่ายเพียงขั้นต่ำ 10% นั่นคือ 2,500 ลองคิดดูนะครับเมื่อไหร่จะหมด เพราะถ้าจ่ายขั้นต่ำ สักหกเดือนดอกเบี้ยก็ปาไปแล้วเฉียดๆ 2,000 บาท สรุปเราซื้อทองมาเบ็ดเสร็จ 27,000 บาท เอาตรงๆ ก็แพงกว่าซื้อเงินสดนั่นเอง
ซื้อทองผ่อนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ กรณีไม่ใช้บัตรเครดิต
สำหรับช่องทางการซื้อ ทองคำ แบบผ่อนชำระ ที่ไม่ต้องอาศัยบัตรเครดิต แต่สามารถผ่อนชำระได้ผ่านช่องทางออนไลน์หรือแอปพลิเคชัน โดยแต่ละร้านจะกำหนดเงื่อนไขแตกต่างกันไป ลักษณะจะคล้ายๆกับการออมทอง ซึ่งรูปแบบนี้จะเริ่มต้นผ่อนได้ตั้งแต่จำนวนเงินหลักร้อย หรือหลักพัน เลือกผ่อนซื้อได้ตั้งแต่ทองน้ำหนัก 25 สตางค์ 50 สตางค์ หรือ 1 บาท แล้วแต่ความต้องการของเรา เมื่อผ่อนครบจำนวนบาทที่ต้องการ ก็จะได้รับทองมาเป็นของเราเอง
สำหรับการซื้อผ่อนนอกจากจะไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษาแล้ว ยังสามารถผ่อนซื้อได้แม้จะไม่มีบัตรเครดิต เพียงแค่มีบัตรประชาชน อายุครบตามเงื่อนไขที่ร้านกำหนด (ส่วนใหญ่จะกำหนดอายุ 20 ปีขึ้นไปสามารถเริ่มผ่อนซื้อทองได้) ก็จะสามารถทำสัญญาซื้อผ่อนทองกับร้านทองได้ ไม่มีเอกสารยุ่งยาก เหมาะกับคนที่ไม่สะดวกใช้เงินก้อนมาซื้อทองโดยตรง
ลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำ
สำหรับการลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำนี้ กองทุนรวมจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนนำเงินไปลงทุนในทองคำแทนเรา ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการและการถือครองที่ผู้ลงทุนต้องศึกษาให้รอบคอบก่อน วิธีนี้จะสะดวกสำหรับนักลงทุนมือใหม่เลยก็ว่าได้ เพราะถือเป็นวิธีที่ง่ายและใช้งบน้อย ที่สำคัญไม่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญมากก็สามารถลงทุนได้ อีกทั้งยังไม่ต้องเสียเวลาเดินไปซื้อทองคำที่ร้านทอง แต่สามารถติดต่อผ่านกองทุนที่เราต้องการจะลงทุนได้เลย โดยแต่ละกองทุนจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลเรื่องการลงทุนให้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องคอยคาดคะเนปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองอย่างใกล้ชิดด้วยตัวเอง อีกทั้งไม่ต้องกังวลถึงความน่าเชื่อถือ หรือความผันผวนของราคาระหว่างร้านทองแต่ละร้าน นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนระหว่างการลงทุนไม่ว่าจะในรูปของเงินปันผล (ซึ่งจะมีภาษี ณ ที่จ่าย 10%) หรือในรูปของกำไรจากส่วนต่างในมูลค่าหน่วยลงทุน (Capital Gain) ซึ่งไม่ต้องเสียภาษี
วิธีเก็งราคาทอง ขึ้น-ลง ต้องดูจากอะไร
การจะซื้อหรือ เก็งราคาทอง นั้นสิ่งสำคัญจะต้องดูปัจจัยหลักๆได้แก่ ราคาน้ำมัน, ความต้องการ อุปสงค์ อุปทาน, อัตราดอกเบี้ย และ ค่าเงินดอลลาร์ โดยทั้ง 4 ปัจจัยหลักๆ นี้สามารถแยกออกได้ดังต่อไปนี้
ราคาน้ำมัน
- หากราคาน้ำมันเริ่มปรับเพิ่มขึ้น นั้นอาจจะเป็นสัญญาเงินเฟ้อที่กำลังจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว อาจจะส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัว แต่ในทางตรงกันข้ามหากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง เงินเฟ้อก็จะลดลง ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงตามไปด้วยนั้นเอง
ความต้องการ อุปสงค์ อุปทาน
- ความต้องการ อุปสงค์ อุปทาน คือ หากเกิดความต้องการซื้อทองคำนั้นๆในประเทศเป็นจำนวนมาก จนมีความต้องการซื้อทองคำสูงก็จะส่งผลให้ราคาทองสูงขึ้นด้วยเพราะร้านค้าทองหลายๆร้านก็จะปั่นราคาให้สูงกว่าปกติ แต่ในทางตรงกันข้ามถ้ามีความต้องการซื้อทองต่ำราคาทองก็จะลดต่ำลงเช่นกัน
อัตราดอกเบี้ย
- จะมีความสัมพันธ์แบบผกผันตามราคาทองคำ เพราะหากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับนโยบายขึ้น นั้นเท่ากับว่าเศรษฐกิจในเวลานั้นเริ่มดี ประชาชนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ทำให้เกิดการจับจ่ายมากขึ้น ค่าเงินจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตาม ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง แต่ในทางตรงกันข้ามหากปรับดอกเบี้ยนโยบายลงนั้นก็คาดการณ์ได้เลยว่าเศรษฐกิจกำลังเริ่มแย่ อาจจะทำให้ความเชื่อมั่นลดลง ค่าเงินก็จะปรับตัวลดลง ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น
ค่าเงินดอลลาร์
- สำหรับการที่ค่าเงินดอลลาร์หากยิ่งอ่อนค่า ยิ่งส่งผลดีกับราคาทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่สามารถเก็บมูลค่าทำให้กระแสเงินของแต่ละประเทศต่างไหลเข้าสู่ทองคำส่งผลให้ทองคำมีราคาเพิ่มสูงขึ้น แต่ในทางตรงข้ามหากเงินดอลลาร์แข็งค่า ส่งผลต่อราคาทองโดยนักลงทุนจะหันมาใช้จ่ายหรือลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์แทน ส่งผลให้ราคาทองคำลดลง
ในช่วงภาวะวิกฤตไวรัสโควิด-19แบบนี้ MoneyGuru ขอให้ทุกท่านรักษาสุขภาพและเป็นกำลังใจให้เราผ่านช่วงนี้ไปด้วยกัน ส่วนใครที่มองหาตัวช่วยเงินกู้สำหรับใช้ในการจับจ่ายใช้สอยที่ง่าย สะดวก และทำได้ที่บ้าน เรายังมีตัวช่วยสำหรับการ สินเชื่อส่วนบุคคล หรือจะเป็นบัตรเครดิตอื่นๆ ให้เลือกใช้ เข้ามาเปรียบเทียบบัตรเครดิตได้ทุกวันที่ MoneyGuru นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อได้ทางช่องทาง LINE @MoneyGuruThailand รับรองว่าคุณจะได้คำแนะนำราคาเบี้ยประกันที่ดีที่สุดจากเรา
ไม่พลาดทุกเรื่องราวข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อน กับ LINE @MoneyGuruThailand