เผยแพร่:
ปรับปรุง:
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ผู้จัดการรายวัน360 – เดอะคอฟฟี่คลับ ปักธงลุยตลาดคนไทยเต็มตัว หลังทยอยปรับมาต่อเนื่อง ตั้ืงเป้า 50% หลังโควิดฉุดนักท่องเที่ยวต่างชาติหาย ปีหน้าปรับโครงสร้างราคาต่ำลง ดึงคนไทย เร่งสื่อสารสร้างแบรนด์อแวร์เนส หวังยอดดาวน์โหลดแอปเป็น 5 หมื่นราย
นางนงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะคอฟฟี่ คลับ (The Coffee Club)ภายใต้การบริหารของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีหน้า(2565) บริษัทฯมีแผนที่จะพิจารณาปรับโครงสร้างราคาเครื่องดื่มและอาหารใหม่เพื่อให้ตำ่ลงจากเดิม และปรับเมนูอาหารเพื่อให้มีความหลากหลายและเหมาะสมกับตลาดคนไทยมากขึ้นซึ่งขณะนี้ประมาณ 20% เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังมีการระบาดของโควิด-19อยู่
หลังจากที่โควิด-19 ระบาดต่อเนื่องมาแล้ว 2 ปีที่ต้องปรับกลยุทธ์หันมาเน้นกลุ่มตลาดคนไทยท้องถิ่นและคนต่างชาติที่ทำงานในไทยมากขึ้นจากเดิมมีสัดส่วนแค่ 20% เนื่องจากการเดินทางท่องเที่่ยวข้ามประเทศยังมีข้อจำกัดอยู่ทั่วโลกที่ส่งผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป ซึ่งแต่เดิมคนต่างชาติคือตลาดหลักของเดอะคอฟฟี่คลับ มากกว่า 80% โดยตั้งเป้าหมายเป็นลูกค้าคนไทยและเอ็กซ์แพท 50% และลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติ 50% แต่หากเปิดประเทศมากขึ้นเมื่อไร ฐานลูกค้านักท่องเที่่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นมาเหมือนเดิมก็ถือเป็นท็อปอัป
นอกจากนั้นยังต้องพยายามสื่อสารและทำความเข้าใจให้ตลาดคนไทยได้ร้จักเดอะคอฟฟี่คลับมากขึ้น ว่าคือ ร้านอะไร ขายอะไร ตั้งอยู่ที่ไหน อยู่ที่ไหนบ้าง และไม่ได้มีราคาแพง เช่น ต้องทำการสื่อสารประชาสัมพันธ์มากขึ้น หรือร่วมมือกับพันธมิตร จัดทำโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลุูกค้าง่ายขึ้น เช่น เคทีซี ซิตี้แบงก์ กรุงศรีอยุธยา เป็นต้น
ล่าสุดได้ปรับปรุงแอปพลิเคชั่นใหม่ให้มีประสิทธิภาพและมีสิทธิประโยชน์มากขึ้น หลังจากที่ทำมาแล้วปีเศษ มียอดดาวน์โหลดกว่า 20,000 ราย และตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น 50,000 รายภายในสิ้นปีหน้า
ในปีหน้าจะยังไม่มีการขยายสาขาใหม่ แต่จะมุ่งเน้นการปรับสาขาเดิมให้ดีขึ้น และเพิ่มปริมาณทราฟฟิกและยอดขายจากสาขาเดิม ซึ่งคนไทยใช้จ่ายเฉลี่ย 300-350 บาทต่อคน ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายเฉลี่ย 500 บาทขึ้นไปต่อคน ขณะนี้เปิดบริการแล้ว30 สาขา หลังจากที่มีการปิดชั่วคราวในจังหวัดท่องเที่ยวและได้กลับมาเปิดใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยมีสาขาในกรุงเทพ 19 แห่ง ส่วนใหญ่สแตนด์อโลนนอกศูนย์การค้าครอบคลุมทั้งในบริเวณย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ อย่าง ทองหล่อ ราชประสงค์ วิทยุ เอกมัย สีลม สุขุมวิท และในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญจำนวน 11 สาขา เช่น จังหวัดภูเก็ตที่มีถึง 5 สาขา พัทยา 2 สาขา เชียงใหม่ กระบี่ หัวหิน และเกาะสมุย
“ในปีหน้าเราตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโตสองเท่า จากยอดขายรวมกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นไดน์อิน และมีบริาการเทคอะเวย์กับดีลิเวอรี่จากร้านปรกติ ขณะที่เคเธอริ่งก็เริ่มมีแนวโน้มเติบโตดี ซึ่งได้ปรับกลยุทธ์เช่นกันขั้นต่ำ 80 กว่าบาท จากเดิม 200 กว่าบาท และยังมีรายได้จากเมนูอาหารเช้ากว่า 30% โดยสิ้นปีนี้จัดแคมเปญเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลแห่งความสุขด้วยการเปิดตัวเซตอาหารสุดพิเศษทุกสาขา ได้แก่ เมนูเฟสทีฟ (อกไก่ย่างราดซอสพริกไทยทรัฟเฟิล พอร์คชอปซอสบัลซามิก,แซลมอน เวลลิงตัน, สเต๊กปลาแซลมอนซอสครีมและผักโขม และสเต๊กแซลมอน โรยอัลมอนด์บด ราดซอสเพสโต้ เสิร์ฟพร้อมเบคอนผัด และกะหล่ำดาว และพิเศษที่สองสาขาคือท่ามหาราชกับริเวอร์ซิตี้ จัดเป็นเซ็ตกับบรรยากาศริมน้ำ ราคา 2,000 บาทต่อคน
เดอะ คอฟฟี่ คลับ’ มุ่งเน้นในการสะท้อนจุดขายของการให้บริการรูปแบบ ‘ร้านกาแฟแบบออลเดย์ไดนิ่ง’ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศออสเตรเลียแก่กลุ่มตลาดประเทศไทยผ่านแนวคิดการให้บริการเมนูอาหารและเครื่องดื่มรสชาติดีมีความหลากหลาย พร้อมการให้บริการดีเยี่ยมในสถานที่ทันสมัยเน้นการตกแต่งด้วยความอบอุ่นผ่อนคลายและมีมุมให้เลือกนั่งสบายเหมาะกับการนัดมาพบปะสังสรรค์ ที่สำคัญที่สุดคือการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยในปี 2565 มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายคนไทยเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ รวมถึงยังคงเป็นร้านที่เหมาะแก่นักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซัน ควบคู่ไปกับการขยายฐานสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับเทศกาลต่าง ๆ เพื่อทำให้ ‘เดอะ คอฟฟี่ คลับ’ สะท้อนความเป็น ‘ไลฟ์ฮับ’ ร้านคาเฟ่ที่มีอาหารครบครันรองรับการบริโภคของทุกคน
โดยในสิ้นปีนี้กำหนดจัดแคมเปญเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลแห่งความสุขด้วยการเปิดตัวเซตอาหารสุดพิเศษที่พร้อมเสิร์ฟท่ามกลางบรรยากาศสุดแสนพิเศษของร้านเดอะคอฟฟี่คลับทุกสาขา เพื่อมอบประสบการณ์และความทรงจำรูปแบบใหม่ ได้แก่ เมนูเฟสทีฟ (Festive Menu) ที่ประกอบไปด้วยอาหารจานหลัก อาทิ อกไก่ย่างราดซอสพริกไทยทรัฟเฟิล (Grill Chicken with Pepper Truffle Sauce) พอร์คชอปซอสบัลซามิก (Balsamic Glaze Pork Chop) แซลมอน เวลลิงตัน (Salmon Wellington) สเต๊กปลาแซลมอนซอสครีมและผักโขม (Creamy Spinach Salmon) และสเต๊กแซลมอน โรยอัลมอนด์บด ราดซอสเพสโต้ เสิร์ฟพร้อมเบคอนผัด และกะหล่ำดาว (Almond Crusted Salmon Pesto and Sauteed Bacon & Brussels Sprouts)
ในขณะที่อาหารทานเล่นก็มีให้เลือก อาทิ แฟลท กริล์ล ซีซาร์ไก่และเบคอน เสิร์ฟพร้อมผักสลัด (Flat Grill Chicken Bacon Caesar) แฟลท กริล์ล เห็ดทรัฟเฟิล เสิร์ฟพร้อมผักสลัด (Flat Grill Mushroom Truffle) และคลับแซนวิชไก่และเบคอน เสิร์ฟพร้อมเฟรนซ์ฟรายส์ (Chicken & Bacon Club Sandwich) รวมถึงเมนูเครื่องดื่มและขนมหวาน เช่น ช็อกโกแลตครีมปั่น (Chocolate Cream Frappe) ไวท์ ช็อกโกแลตปั่น (White Chocolate Frappe) ชาเขียวปั่น (Matcha Green Tea Frappe) แครอทเค้ก เสิร์ฟพร้อมไอศกรีม (Carrot Cake with Ice Cream) ช็อกโกแลต ลาวา (Chocolate Lava) คริสต์มาส คัพเค้ก (Christmas Cupcake)
“นอกจากแคมเปญที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในช่วงเทศกาลแห่งความสุข ‘เดอะ คอฟฟี่ คลับ’ พร้อมนำเสนอความเป็น ‘ร้านกาแฟแบบออลเดย์ไดนิ่ง’ สัญชาติออสเตรเลีย ด้วยการเสิร์ฟเมนูอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายสำหรับลูกค้าทุกคนตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ไม่ว่าจะเป็น ออลเดย์เบรคฟาสต์ แซนวิช พาสต้า สลัด สเต๊ก เบเกอรี่ รวมไปถึงเมนูกาแฟซิกเนเจอร์เบลนด์ระดับโลกที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพในบรรยากาศของร้านที่อบอุ่นเป็นกันเองพร้อมการบริการที่ดีเยี่ยม พิเศษสุด ‘เดอะ คอฟฟี่ คลับ’ เอาใจคนชอบดื่มด่ำบรรยากาศริมน้ำสุดโรแมนติกด้วยการเพิ่มความพิเศษสำหรับช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่นี้ พบกับเมนูดินเนอร์เซตสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มาพร้อมไฮไลท์การเฉลิมฉลองที่พลาดไม่ได้ ซึ่งจะจัดขึ้นเฉพาะที่สาขาท่ามหาราช และสาขาริเวอร์ซิตี้เท่านั้นอีกด้วย