น.ส.สุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด ผู้พัฒนาเว็บไซต์ https://www.terrabkk.com บริการข้อมูลเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ช่วงโควิด-19 จากกลุ่มตัวอย่าง 430 คน อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ระหว่างเดือนก.ค.-ส.ค. 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด-19 มีการแพร่ระบาดหนัก
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
พบว่า ผู้บริโภคเกิดความกังวลและขาดความเชื่อมั่น กระทบต่อพฤติกรรมการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่กว่า 66% เห็นว่าจำเป็นต้องเลื่อนหรือชะลอการตัดสินใจซื้อออกไปก่อน, 22% ยังคงตัดสินใจซื้อ ขณะที่อีก 12% เปลี่ยนใจไม่ซื้อแล้ว
ส่วนบ้าน-คอนโดมิเนียม ในกลุ่มระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท และกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ ระบุว่าต้องการเลื่อนการซื้อออกไปก่อน ส่วนกลุ่มระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาท ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 43% ยังคงตัดสินใจซื้อ สะท้อนว่าบ้านกลุ่มลักชัวรี่ยังสามารถไปต่อได้ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
เมื่อมาดูในรายละเอียด พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 78% ที่คิดว่าโควิด-19 มีผลต่อการซื้ออสังหาฯ ในช่วงนี้ เพราะมีความกังวลด้านเศรษฐกิจ และสถานการณ์โรคระบาด ที่อาจรุนแรงมากขึ้น, การงานและรายได้ที่ไม่มั่นคง ทำให้จำเป็นต้องเก็บเงินสดไว้ก่อน และปัญหารายได้ที่ลดลง
ส่วนกลุ่มที่เห็นว่าโควิด-19 ไม่มีผลกระทบกับการซื้ออสังหาฯ ราว 22% เห็นว่าช่วงนี้เป็นโอกาสดี จากหลายปัจจัยบวก อาทิ ราคาอสังหาฯ ลดลงทำให้น่าซื้อ, ทำเลดีที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต, มีความจำเป็นต้องซื้อ, โปรโมชั่นดี ฟรีค่าใช้จ่ายและของแถมต่างๆ, อัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ
นอกจากนี้ โควิด-19 ยังมีผลต่อพฤติกรรมการซื้ออสังหาฯ ในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท และกลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท ที่ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าต้องปรับลดงบประมาณการซื้อบ้านลง รวมถึงมองหาโครงการจากผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่เชื่อถือได้ มีโปรโมชั่น บนทำเลนอกเมือง ส่วนกลุ่มราคามากกว่า 10 ล้านบาท ส่วนใหญ่ต้องการบ้านพักตากอากาศต่างจังหวัด, เปลี่ยนจากคอนโดฯ เป็นบ้าน และต้องการขยับทำเลเข้ามาใกล้เมืองมากขึ้น
ส่วนปัจจัยสำคัญที่ผู้ตอบแบบสอบถามโดยส่วนใหญ่ใช้พิจารณาในการซื้ออสังหาฯ ช่วงนี้ คือ การออกแบบพื้นที่ ที่เน้นความเป็นส่วนตัวของทุกคนในครอบครัว, ฟังก์ชั่นการใช้งานในบ้านหรือพื้นที่ส่วนกลางต้องตอบโจทย์ได้ดีในช่วง WFH, มีพื้นที่ทำอาหารที่กว้างขึ้น, ระบบระบายอากาศภายในบ้านได้ดี, มีพื้นที่สีเขียว, มีโฮมออโตเมชั่น และที่สำคัญโครงการจะต้องมีบริการหลังการขายที่ดีจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ข้อมูลล่าสุดจาก Terra Byte พบว่า ราคาบ้านแนวราบเปิดใหม่เติบโตขึ้นเฉลี่ย 7% ขณะที่สัดส่วนของตลาดลักชัวรี่ เพิ่มขึ้นเป็น 33% ของตลาด โดยมีราคาเฉลี่ยที่ 12 ล้านบาท และส่วนใหญ่อยู่ในโซนกรุงเทพฯ รอบนอก-ปริมณฑล ซึ่งมีอัตราการดูดซับสูงสุดที่ 5.6 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ โดย 5 โซนยอดนิยม คือ หนองจอก, พระสมุทรเจดีย์, เมืองสมุทรปราการ, บางใหญ่ และบางพลี ซึ่งโซนบางนา ยังคงครองแชมป์โครงการแนวราบเปิดตัวใหม่สูงที่สุด
ส่วนคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ส่วนใหญ่จะเป็นราคาต่ำกว่าแสนบาทต่อตร.ม. (ราคาเฉลี่ย 60,000-80,000 บาทต่อตร.ม.) โดยทำเลใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู มีการเปิดตัวคอนโดฯ ใหม่เพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยราคาเฉลี่ยที่ 57,000 บาท/ตร.ม.
อย่างไรก็ดี ที่น่าจับตาคือ คอนโดฯ ในกลุ่มอีโคโนมี่ หรือราคาเฉลี่ย 50,000-70,000/ตร.ม. ซึ่งเป็นสินค้าที่สามารถตอบโจทย์กำลังซื้อของคนในยุคโควิด-19 ได้อย่างดี และส่วนใหญ่จะอยู่ในทำเลเมืองชั้นนอก หรือตามแนวรถไฟฟ้าในระยะที่เดินไม่ได้ เหมาะสำหรับกลุ่มเพิ่มเริ่มทำงานที่อยากมีคอนโดฯ หลังแรก ซึ่งปัจจุบันก็มีผู้ประกอบการที่ลงมาเล่นในตลาดนี้และได้กระแสตอบรับที่ดี อาทิ แสนสิริ, เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ และ แอสเซท ไวส์ เป็นต้น