น.ส.สมฤทัย ตัณฑกิตติ หัวหน้าแผนกงานนักลงทุนสัมพันธ์ บล.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) คาดว่าในสิ้นปี 65 ผู้ใช้บริการ 5G ของบริษัทจะเพิ่มเป็น 7 ล้านราย จากในงวด 9 เดือนปี 65 มีจำนวนผู้ใช้ 5G ที่ 5.5 ล้านราย ซึ่งจะสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ปีนี้ 5 ล้านราย โดยในไตรมาส 3/65 จำนวนเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านราย และคาดว่าจะมีโมเมมตัมในไตรมาส 4/65 จะเพิ่มขึ้นใกล้เคียงไตรมาส 3/65 ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นแพ็คเกจเจาะกลุ่มพรีเพด ขณะที่ตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือที่รองรับ 5G ลงมาในราคาที่จับต้องได้มีมากขึ้น
“เราเชื่อว่าดีมานด์ 5G ก็ยังสามารถเติบโตไปได้อีก ณ ตอนนี้เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น 5G Development ซึ่งจะต้องมีการเพิ่ม Use Case ต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกมาก มองว่า 5G จะสามารถใช้ประโยชน์ในโลกดิจิทัลได้อย่างแท้จริง ก็มองว่า 5G อยู่ในช่วงดีวันดีคืน”น.ส.สมฤทัย กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทคงเป้าหมายปี 65 รายได้จะเติบโต 1-3% (Low single digit growth) โดยไตรมาส 4/65 รายได้กลุ่มมือถือยังเติบโต และพยายามเพิ่มรายได้ต่อเลขหมาย (ARPU) มากขึ้น รวมถึงอัพลูกค้ามาใช้ 5G มากขึ้นด้วย ซึ่งไตรมาส 3/65 ARPU ของลูกค้า 5G เพิ่มขึ้น 10-15% โดยเชื่อว่าลูกค้าต้องการโครงข่ายที่มีคุณภาพ ซึ่งปัจจุบัน ADSVANC มีโครงข่าย 5G ครอบคลุมพื้นที่ 85% ของประชากร และบริษัทมีกลุ่มเซเรเนด การจับมือกับพันธมิตรอย่างธนาคารกรุงไทย (KTB) กลุ่มเซ็นทรัล ที่มีแนวโน้มอัพเป็นลูกค้า 5G รวมทั้งการเพิ่ม Content ที่น่าสนใจก็จะเพิ่มจำนวนลูกค้า 5G ได้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะไม่แข่งขันในตลาดที่ไม่ทำกำไร ซึ่งแพ็คเกจพรีเพดได้ตัดโปรโมชั่นการโทรผ่านเครือข่ายอื่น
ส่วนกลุ่มอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ (FBB) ก็คาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากไตรมาส 3/65 ที่เพิ่มขึ้นมาราว 1 แสนราย และในไตรมาส 4/65 จะเพิ่ม ARPU ให้สูงขึ้น โดยในตลาดมีเพ็คเกจราคา 299 บาท/เดือน ทั้งนี้ บริษัทเน้นการให้บริการหลังการขาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าอยู่กับบริษัทต่อไป โดยปัจจุบัน เอไอเอสไฟเบอร์ มีส่วนแบ่งการตลาด 15%
ขณะที่กลุ่มธุรกิจ (Enterprise) บริษัทคาดมีดีมานด์การใช้ 5G อย่างต่อเนื่องที่จะทำ Use Case ซึ่งบริษัทกับพาร์ทเนอร์ชิพได้เข้าให้บริการลูกค้าทำธุรกิจรวม Transform ธุรกิจด้วย
อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 4/65 คาดว่าบริษัทยังเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น จากค่าไฟที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่คงคาด EBITDA Margin ปีที่คงที่เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 49%
น.ส.สมฤทัย ยังกล่าวว่า ในส่วนงบลงทุนในปี 66 คาดมีงบที่ 3 หมื่นล้านบาทเท่ากับปี 65 โดยแบ่งลงทุนธุรกิจมือถือ 70% ส่วนที่เหลือเป็นธุรกิจอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ และกลุ่มเอ็นเตอร์ไพรส์
สำหรับดีลการเข้าซื้อบริษัท ทริปเปิลทรีบรอดแบนด์ (TTTBB) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF)นั้น เนื่องจากที่ประชุมผู้ถือหน่วยกองทุน JASIF ไม่อนุมัติผ่อนผันเกี่ยวกับค่าเช่าเส้นใยแก้วนำแสง และไม่ยกเลิกการประกันรายได้ค่าเช่า ทำให้ดีลไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการเข้าซื้อกิจการ TTTBB ซึ่งไม่สอดคล้องกับความต้องการของ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) บ.ย่อยของบริษัท ทำให้มีนัยสำคัญต่อการเข้าซื้อกิจการ จึงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ทราบ
ส่วนดีลการร่วมลงทุนธุรกิจ DATA CENTER กับ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเม้นท์ (GULF) และบริษัท Singapore Telecommunications Limited หรือสิงเทลนั้น ระหว่างนี้กำลังคัดเลือกสถานีตั้งศูนย์ DATA CENTER คาดจะเริ่มกระบวนการมีความชัดเจนในต้นปี 66