MSI Bravo 15 จัดโปรโมชั่นสุดคุ้มจาก MSI x AMD ลดราคา 2000 บาท และฟรี Thunderbird T-Shirt ถึงสิ้นเดือนนี้เท่านั้น – NBS

MSI Bravo 15 จัดโปรโมชั่นสุดคุ้มจากทาง MSI X AMD นับว่าเป็น Gaming Notebook ปี 2021 รุ่นใหม่ล่าสุด สเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000H อีกหนึ่งรุ่นในตลาด จอ 15.6″ ความละเอียด Full HD ได้ Refresh Rate ที่ 144Hz ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 5600H / Ryzen 7 5800H ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดล้ำด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม Zen 3 (Cezanne)

จับคู่มากับการ์ดจอ AMD Radeon RX5500M ซึ่งได้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม RDNA แน่นอนว่าสเปกนี้ทำให้เราเล่นเกมได้แรงลื่น ขอบจอบางเฉียบ ติดตั้งหน่วยความแรมเป็นขนาด 8GB – 16GB มาตรฐาน DDR4 Bus 3200Hz และใส่ที่เก็บข้อมูลมาเป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB – 1TB ซึ่งได้ทั้งความลื่นไหลและความจุสูงไปในตัวเดียว โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 30,990 บาทเท่านั้นเอง  

MSI Bravo 15

โดยตอนนี้ MSI Bravo 15 มีโปรโมชั่นสุดคุ้มลดราคา 2,000 บาทในรุ่นราคา 33,990 บาท เหลือ 31,990 บาท และ 36,990 บาท เหลือ 34,990 บาท พร้อมกันนั้นยังรับทันที Thunderbird T-Shirt สุดเท่ เก๋ไม่เหมือนใคร มูลค่า 750 บาท พร้อมกระเป๋า Stealth Trooper Backpack II มูลค่า 1,690 บาท (อยู่ในกล่องพร้อมตัวเครื่อง) ระยะเวลาโปรโมชั่น ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 – 31 กรกฎาคม 2564

VDO Review MSI Bravo 15

หมายเหตุ

  1. ของแถมมีจำนวนจำกัด บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  2. ไม่สามารถซื้อหรือออกบิลในนามบริษัท หรือนิติบุคคลได้
  3. คำตัดสินของบริษัทถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้ร่วมรายการถือได้ว่าตกลงยอมรับในข้อกำหนดและเงื่อนไขข้างต้นทุกประการ
  4. โปรโมชั่นนี้เฉพาะลูกค้าที่ซื้อสินค้า MSI Notebook จากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องภายในประเทศไทยเท่านั้น
  5. ของพรีเมี่ยมไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินทอนหรือเงินสดได้
  6. ของพรีเมี่ยมจากโปรโมชั่นนี้จะเริ่มจัดส่งหลังจากวันที่ 15 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป
  7. ระยะเวลาในการรับประกันแบตเตอรี่, อแดปเตอร์, สายไฟ มีระยะเวลาในการรับประกัน 1 ปี

MSI Bravo 15 รายละเอียดรุ่นและสเปกต่างๆ 

MSI Bravo 15 B5DD-016TH ราคา 30,990 บาท

  • CPU : AMD Ryzen 5 5600H (6C/12T & 3.30 – 4.20GHz)
  • GPU : AMD Radeon 7 + Radeon RX 5500M (4GB GDDR6)
  • RAM : 8GB DDR4 Bus 3200MHz
  • DISPLAY: 15.6″ Full HD IPS 144Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
  • OS : Windows 10 Home
  • Warranty : 2 Years Carry-in Regional (1 Year for Battery and Adapter)

MSI Bravo 15 B5DD-015TH ราคา 33,990 บาท ลดเหลือ 31,990 บาท

  • CPU : AMD Ryzen 7 5800H (8C/16T & 3.20 – 4.40GHz)
  • GPU : AMD Radeon 8 + Radeon RX 5500M (4GB GDDR6)
  • RAM : 8GB DDR4 Bus 3200MHz
  • DISPLAY: 15.6″ Full HD IPS 144Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
  • OS : Windows 10 Home
  • Warranty : 2 Years Carry-in Regional (1 Year for Battery and Adapter)

MSI Bravo 15 B5DD-014TH ราคา 36,990 บาท ลดเหลือ 34,990 บาท

  • CPU : AMD Ryzen 7 5800H (8C/16T & 3.20 – 4.40GHz)
  • GPU : AMD Radeon 8 + Radeon RX 5500M (4GB GDDR6)
  • RAM : 16GB DDR4 Bus 3200MHz
  • DISPLAY: 15.6″ Full HD IPS 144Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 1TB
  • OS : Windows 10 Home
  • Warranty : 2 Years Carry-in Regional (1 Year for Battery and Adapter)

สำหรับชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000 Series รหัส H เน้นประสิทธิภาพจากทาง AMD ที่แรงขึ้นเป็นเท่าตัว จากเทคโนโลยีการผลิตชิป CPU ที่ 7 นาโนเมตร จับคู่มากับการ์ดจอแยก AMD Radeon RX5500M ซึ่งได้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตรรุ่นแรกของโลก แน่นอนว่าสเปกนี้ทำให้เราเล่นเกมได้แรงลื่น โดยรุ่นที่เราได้เป็นหน่วยความจำขนาด 8GB – 16GB และที่เก็บข้อมูลเป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB – 1TB มี Windows 10 Home ใช้งานได้ทันที ประกันเป็นแบบ 2 ปี ตามมาตรฐานของ MSI

รายละเอียดของชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5600H เป็น CPU ที่ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธรด มีความเร็วอยู่ที่ 3.30 – 4.20 GHz และ AMD Ryzen 7 5800H เป็น CPU ที่ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด มีความเร็วอยู่ที่ 3.20 – 4.40 GHz โดดเด่นด้วยสถปัตยกรรม Cezanne แต่ใหม่การ์ดจอ Radeon RX5500M ที่เป็น RDNA ส่งผลให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่ง พร้อมด้วยความร้อนที่น้อยลงไปอีก และประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าเดิมด้วย เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับการมาของ AMD Ryzen รุ่นใหม่ตระกูล 5000 H Series 

เป็นหน้าจอขนาด 15.6″ Full HD พาเนล IPS มี Refesh Rate ที่ 144 Hz แน่นอนว่ารองรับเทคโนโลยี AMD FreeSync ให้ภาพลื่นไหลและไม่ฉีกขาด ลำโพง 2W x 2 ทำงานร่วมกับซอฟแวร์ของ Nahimic เวอร์ชั่น 3 และ Hi-Res ทำให้สามารถขับเสียงได้ดียิ่งกว่าเดิม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.2 Type-A, 1 x USB 3.2 Type-C, 1 x USB 2.0 Type-A Kensington lock slot, LAN RJ-45, HDMI, รูหูฟังกับไมค์ 3.5 มิลลิเมตร พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Intel Wi-Fi 6 AX200(2*2 ax) + Bluetooth 5.1


การออกแบบต้องบอกว่ามีลักษณะรูปทรงใกล้เคียงกับ MSI Pulse GL66 / MSI Katana GF66 ทั้งในส่วนของดีไซน์ภายนอกภายใน ชัดเจนด้วยโลโก้ฝาหลังด้วยนกธันเดอร์เบิร์ดสยายปีกสีเงินแบบนู้นต่ำ สวยงามดุดันตามสไตล์ของ Gaming Notebook ที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน โดยใช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับคีย์บอร์ดสีแดง ซึ่งต้องยอมรับว่าโดยรวมนั้นดีอยู่แล้ว มีน้ำหนักที่เบาเพียง 2.3 กิโลกรัม อีกทั้งตัวเครื่องก็มีความบางสุดที่ 27.5 มิลลิเมตรด้วย ซึ่งถ้าเทียบกับรุ่นก่อน จะมีความหนักและหนากว่าเล็กน้อย 

แกนฝาพับแข็งแรงพัฒนาขึ้นกว่าเดิมจากรุ่นก่อนพร้อมกางได้เกือบๆ 180 องศา  พร้อมกันนั้นในส่วนของขอบตัวเครื่องคีย์บอร์ดด้านในทั้งด้านซ้ายขวาและด้านหน้าจะมีการทำเส้นสายอีกด้วย ซึ่งขอบด้านหน้าเป็นพลาสติกมีการเว้นพื้นที่เว้าเอาไว้ให้เปิดฝาหน้าจอได้ง่าย และที่พักมือและเนื้องานรอบแป้นพิมม์ใช้วัสดุเป็นพลาสติกสัมผัสดีกว่าทั่วไป ปุ่มเปิดปิดของตัวเครื่องได้ติดตั้งอยู่มุมซ้ายของคีย์บอร์ดดีไซน์ได้เรียบเนียนไปกับตัวเครื่องเป็นอย่างดี ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นไซต์มาตรฐานคือมี Numpad แป้นตัวเลข แต่ปุ่มกดจะเล็กกว่าปกติเล็กน้อย นอกจากนี้คีย์บอร์ดยังมีไฟสีแดง สามารถเปิดปิดได้ 3 ระดับ

วัสดุเป็นพลาสติกเกรดสูงตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมใช้ลวดลาย Cutting Edge ส่วนภายนอกและภายใน แนวตั้งเรียบง่ายตามสไตล์ของ Gaming Notebook แบรนด์ MSI หลายๆ รุ่น นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีระบบระบายความร้อนแบบพิเศษ Cooler Boost 5 แบบใหม่ ที่มาพร้อม 2 พัดลมขนาดใหญ่ ฮีทไปป์ 6 เส้นดีไซน์แบน เย็นเฉียบหายห่วงไปเลย พร้อมกับทำการเซาะร่องระบายอากาศหลายตำแหน่งด้วยกัน ลำโพงก็อยู่ที่ด้านล่าง 2 ตัวทำให้ตัวเครื่องสามารถกระจายเสียงได้ดี การแกะอัพเกรดบอกเลยว่าทำได้ไม่ยาก แต่ต้องแกะน็อตออกหมดทุกตัวแล้วค่อยใช้บัตรแข็งๆ แงะที่ละส่วนอย่างระมัดระวังเท่านั้นเอง

เรียกได้ว่ายังคงรักษามาตรฐาน Gaming Notebook จากแบรนด์ MSI ได้อย่างสมบูรณ์แบบ สัมผัสได้ถึงความเป็น Gaming Notebook สายพันธุ์ AMD ทั้งชิปประมวลและการ์ดจอ ที่แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ที่ไม่ใช้สเปก AMD อย่างเดียว ด้วยดีไซน์การออกแบบที่ดูดีแบบเรียบง่าย ที่ไม่ใช่แค่เครื่องแรงอย่างเดียวแต่ในประสบการณ์ใช้งานก็ดีเยี่ยมด้วย มีความบางเบากว่า Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ที่สเปกใกล้เคียงกัน ทำให้พกพาไปไหนได้สะดวก อย่างตามร้านกาแฟ หรือที่ทำงาน มหาวิทยาลัย เป็นต้น เรียกได้ว่าเล่นเกมก็ดีพกพาก็สะดวก

โดดเด่นด้วยสเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen  5000H รุ่นใหม่ ได้การ์ดจอ AMD Radeon RX5500M ที่ตอบสนองการทำงาน หรือการเล่นเกมออนไลน์ออฟไลน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ การันตีสเปกภายในได้จากสติ๊กเกอร์ที่ติดมาที่ตัวเครื่อง พร้อมด้วยซอฟท์แวร์ MSI Center รุ่นใหม่ล่าสุด ที่สามารถปรับการตั้งค่าต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการเล่นเกมให้มากยิ่งขึ้น พร้อมการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า Gaming Notebook หลายๆ รุ่น พร้อมระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยมเหนือชี้นกว่าชัดเจน

สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยที่เพียงพอในทุกๆ เกม ขึ้นอยู่กับการปรับกราฟิกเป็นหลัก ประกอบไปด้วย Resident Evil 8 / GTA V / Battlefield V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์หนักๆ อย่าง SCUM และยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / APEC Legends ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย

ทดสอบเกมทุกเกมที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซลตาม Native ของหน้าจอ โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด !!! จากกราฟตามภาพ ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหล กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกม ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ โดยในส่วนของ RE 8 ซึ่งเป็นเกมออกใหม่ล่าสุด เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB ซึ่งเกินกว่าตัวการ์ดจอที่ 4GB แต่ก็ยังทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าเหลือเชื่อจริงๆ

ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง SCUM ที่ปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน จะเห็นว่าเฟรมเรทเฉลี่ยที่ออกมานั้นได้ค่อนข้างน้อย ซึ่งในการเล่นเกมจริงๆ แนะนำปรับกราฟิกกลางๆ น่าจะลื่นไหลกว่า ต่อกันที่ DOTA 2 ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถขับเฟรมเรทได้เพียงพอกับการเล่น แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงเลย แต่สำหรับ PUBG และ APEX ก็ต้องยอมรับว่าปรับกราฟิกลงมาอีกหน่อยน่าจะลื่นไหลที่ 60 เฟรม + น่าจะเหมาะสมในการเล่นเกมมากกว่า 

และด้วยหน้าจอพาเนล IPS แบบ 144Hz พร้อม สนับสนุน AMD FreeSync ทำให้ภาพลื่นไหลกว่าปกติและไม่ฉีกขาด ทำให้เกม FPS ที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 144Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล อาจจะปรับกราฟิกต่ำลงมาเท่าที่เราพอใจ หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่แล้ว

MSI CENTER เวอร์ชั่นล่าสุด เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้า ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ Utility จุดเด่นคือใช้งานสะดวกและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัพเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็สามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย

ตารางสเปก MSI Bravo 15 พร้อมราคาลดแล้ว

สรุปโปรโมชั่นจาก MSI X AMD ลดราคา 2,000 บาท พร้อมรับทันที Thunderbird T-Shirt สุดเท่ พร้อมกระเป๋า Stealth Trooper Backpack II มูลค่า 1,690 บาท ก็ถือว่ามีความน่าสนใจ เพราะได้ทั้งการลดราคาทำให้ตัดสินใจซื้อกันง่ายขึ้น และนับว่าเป็นสเปกที่น่าซื้อ และของแถมเองสุดพิเศษ ที่หาซื้อไม่ได้ทั่วไป สำหรับคนที่ต้องการจับจองก็รีบซื้อกันหมด หมดเขต 31 กรกฎาคม 2564 เท่านั้น

สำหรับจุดเด่นจากการที่เป็น Gaming Notebook ที่มีความแตกต่างเรื่องดีไซน์รูปแบบฝาหลัง Cutting Edge ให้สัมผัสที่สวยงามสัมผัสคล้ายกับโลหะ ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000H ที่สร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ แต่ก็ยอมรับว่าการ์ดจอแยกเองยังเป็นรุ่นก่อนหน้าอย่าง AMD Radeon RX5500M แต่สเปกอื่นๆ ก็ใช้งานได้เป็นอย่างดี ซึ่งสเปกน่าจะซื้อจะเป็นรุ่นราคา 31,990 และ 34,990 บาทนั่นเอง

ข้อดี MSI Bravo 15

  • ดีไซน์การออกแบบถูกใจเกมเมอร์ยุคใหม่ ตามสไตล์ของ MSI Gaming แนวเรียบหรูดูล้ำ
  • หน้าจอ 15.6″ เล็กกระชับกว่าเดิมเทียบ 14″ พกพาสะดวก งานประกอบแน่นวัสดุดี
  • สเปคแรงด้วยชิปประมวลผล Ryzen 5000H และการ์ดจอแยก Radeon RX 5500M
  • ได้แรมมาขนาด 8GB – 16GB และ SSD M.2 ความจุ 512GB – 1TB ใช้งานได้ลื่นไหล
  • ประสิทธิภาพต่อราคาจัดว่าคุ้มค่า แม้จะได้การ์ดจอแยกรุ่นก่อน
  • มีซอฟต์แวร์ MSI Center ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
  • ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 7 ชั่วโมง
  • มี Windows 10 Home ใช้งานได้ทันที
  • ประกัน 2 ปี ส่งศูนย์ MSI ตามมาตรฐาน

ข้อสังเกต MSI Bravo 15

  • การ์ดจอแยกยังเป็นไม่ใช่รุ่นล่าสุดอย่าง Radeon RX 6000M Series
  • ค่าขอบเขตสีหน้าจอ sRGB อยู่ในระดับกลางๆ
  • ไม่สามารถอัพเกรด HDD / SSD 2.5″ SATA 3 ได้
  • ยังมีพอร์ต USB 2.0 Type-A มาอยู่ 1 พอร์ต
Exit mobile version