Jerminalz February 18, 2022
56 Views
เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากทาง OPPO ในรุ่น OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G โดยทั้งสองรุ่นก็ยังคงมาพร้อมกับจุดเด่นในเรื่องการเป็น The Portrait Expert หรือเป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายพอร์ตเทรตได้ดีที่สุดเหมือนเช่นเคย นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงสเปคหลายส่วน เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอพอร์ตเทรตได้สวยที่สุดในตอนนี้ และนี่ก็คือ 3 จุดเด่นหลัก ๆ ของสมาร์ทโฟนซีรี่ส์นี้ครับ
1. กล้องจัดเต็ม ตัวจริงเรื่อง Portrait ทั้งภาพถ่ายและวิดีโอ
OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ถูกวางให้เป็น “The Portrait Expert” สมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอพอร์ตเทรตได้ดีที่สุด เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในตอนนี้ คือถ้าชอบถ่ายภาพ โดยเฉพาะภาพบุคคล แล้วอยากได้ฉากหลังละลายเป็นโบเก้สวย ๆ แบบกล้อง DSLR ก็ต้องสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เลยครับ
OPPO Reno7 5G สมาร์ทโฟนที่มอบประสบการณ์การถ่ายภาพระดับมืออาชีพได้เสมือนกล้อง DSLR ด้วยฟีเจอร์ Portrait Mode ที่สามารถปรับระดับความละลายฉากหลัง ได้ถึง 25 ระดับ เทียบเท่าตั้งแต่ f/0.95 ถึง f/16 ผลลัพท์จาก Portrait Mode ใน OPPO Reno7 5G มีความใกล้เคียงกับกล้อง DSLR เอามาก ๆ ทั้งการตัดขอบที่เนียน ให้ภาพถ่ายบุคคลที่มีมิติชัดลึกชัดตื้น และยังมาพร้อมกับโหมดอย่าง Bokeh Flare Portrait ที่สามารถถ่ายได้ทั้งภาพนิ่ง และวิดีโอทั้งกล้องหน้า/ กล้องหลัง ให้โบเก้ที่สวยงาม แตกต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วไปในท้องตลาด
OPPO Reno7 Pro 5G สมาร์ทโฟน 5G ที่มาพร้อมกล้องพอร์ตเทรตระดับแฟล็กชิป ใช้เซ็นเซอร์ระดับเรือธงถึง 2 รุ่นทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ประกอบไปด้วย Sony IMX709 ในกล้องหน้าความละเอียด 32MP กับ Sony IMX766 ในกล้องหลังความละเอียด 50MP ให้ภาพถ่ายที่เก็บรายละเอียดได้คมชัด ระบบโฟกัสที่มีความแม่นยำสูง
ในการถ่ายภาพ Portrait ด้วย OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ว่ากันตามตรงคือถ่ายออกมาได้ง่ายมาก ๆ เพราะนอกจากฮาร์ดแวร์กล้องของทั้งสองรุ่นจะให้มาดีแล้ว ในด้านการประมวลผลภาพถ่าย มีการใช้ AI เข้ามาช่วยในการประมวลผล ช่วยในเรื่องการสร้าง Bokeh, ปรับแต่งใบหน้าให้สวยงาม มั่นใจได้เลยว่า ถ่าย Portrait ออกมายังไงก็สวย
2. ตัวเครื่องบางเบา ดีไซน์สวยงามด้วยเทคโนโลยี LDI และ OPPO Glow
ในด้านการออกแบบ OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ใช้เทคโนโลยี LDI – Laser Direct Imaging Technology นับเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน ในการแกะสลักพื้นผิวฝาหลังของ OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ในฝาหลังสี Startrails Blue ซึ่งแกะสลักละเอียดมากถึง 1.2 ล้านครั้ง โดยดีไซน์ฝาหลังสี Startrails Blue ได้รับแรงบันดาลใจมาจากฝนดาวตก นั่นหมายความว่าฝาหลังสี Startrail Blue ที่เกิดจากเทคโนโลยี LDI ผสมผสานไปกับเอฟเฟกต์แสงอันระยิบระยับจาก OPPO Glow จะเสมือนมีดาวหาง 1.2 ล้านดวง ทิ้งแสงยาวหลายพันดวงระยิบระยับท่ามกลางท้องฟ้าอยู่บนฝาหลังเลยทีเดียว
อีกหนึ่งสีที่วางจำหน่ายได้แก่ สี Starlight Black ในรุ่น OPPO Reno7 Pro 5G และ สี Starry Black ในรุ่น OPPO Reno7 5G เป็นการดีไซน์ด้วยเทคนิค OPPO Glow อันเลื่องชื่อ เพื่อสร้างคริสตัลขนาดเล็กนับล้านบนฝาหลัง มอบเอฟเฟกต์ที่สวยงามตระการตา เสมือนมองกาแล็กซี่ที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันระยิบระยับท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนอันเงียบสงบ
นอกจากนี้ OPPO Reno7 Pro 5G ยังมี Orbit Breathing Light ที่เป็นแสงแบบ “breathing” รูปแบบวงกลม 3 มิติล้อมรอบบริเวณโมดูลกล้องบนฝาหลังของโทรศัพท์ และจะเปล่งแสงเมื่อมีสายเรียกเข้า แจ้งเตือน หรือในระหว่างการชาร์จ เปรียบเสมือนเทคโนโลยีที่มีชีวิต Active อยู่ตลอดเวลา
ในด้านความบาง และน้ำหนักตัวเครื่อง OPPO Reno7 5G ถือเป็นโทรศัพท์ที่มาพร้อมกับความบางในระดับ Ultra Slim Body ให้ความสวยงาม และบางเพียง 7.81 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวเครื่อง 173 กรัม ส่วน OPPO Reno7 Pro 5G นั้นจะมาด้วยดีไซน์ Ultra Slim Body ขอบเหลี่ยม บาง 7.45 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 180 กรัม
3. ประสิทธิภาพจัดเต็ม ชิปเซ็ตระดับท็อป พร้อมชาร์จเร็ว 65W SUPERVOOC
เรื่องประสิทธิภาพในการประมวลผล OPPO Reno7 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 900 5G SoC พร้อมรองรับ 5G ทั้งแบบ SA/ NSA และรองรับ Wi-Fi 6 ส่วน OPPO Reno7 Pro 5G ใช้ชิปเช็ตระดับท็อปสุดอย่าง MediaTek Dimensity 1200-MAX 5G SoC ทั้งสองรุ่นมาพร้อมระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่อย่าง ColorOS 12
OPPO Reno7 5G มาพร้อม RAM 8GB + RAM Expansion มากถึง 5GB และความจุในตัวเครื่องที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ROM 256GB ในขณะที่ OPPO Reno7 Pro 5G มาพร้อม RAM 12GB + RAM Expansion มากถึง 7GB กับความจุในตัวเครื่อง 256GB การันตีว่าสามารถเล่นเกมยอดนิยมบน Google Play Store ได้ทุกเกมในตอนนี้
ด้านการแสดงผล OPPO Reno7 5G มาพร้อมจอ AMOLED ขนาด 6.4’ นิ้ว อัตรารีเฟรชหน้าจอ 90 Hz และมีอัตราการตอบสนองหน้าจอ 180 Hz Touch Sampling Rate ส่วน OPPO Reno7 Pro 5G มาพร้อมจอ AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว, 90 Hz Refresh Rate, HDR10+ และทั้งสองรุ่น รองรับการรับชม Netflix HD certification, Amazon Prime Video HD certification เช่นเดียวกับการรับชม Youtube, Viu, WeTV ที่รับชมได้เต็มความละเอียด
ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ และการจัดการพลังงาน ทั้งสองรุ่นมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูง 4,500mAh ในตัวเครื่องที่บางและเบา นอกจากนี้ยังรองรับระบบชาร์จเร็ว 65W SUPERVOOC ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 100% ได้ภายในเวลาประมาณ 31 นาที ถือเป็นอีกสมาร์ทโฟนที่มีความครบเครื่องในตัว โดดเด่นทั้งกล้องถ่ายภาพ, ดีไซน์ และประสิทธิภาพในการใช้งาน
OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ราคาและโปรโมชั่น
OPPO Reno7 5G วางจำหน่ายในราคา 16,990 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีฟ้า Startrails Blue และสีดำ Starry Black ส่วน OPPO Reno7 Pro 5G วางจำหน่ายในราคา 22,990 บาท มี ให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีฟ้า Startrails Blue และสีดำ Starlight Black มีโปรโมชั่นช่วงเปิดตัว ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ รับโปรโมชั่นและเซ็ตของพรีเมี่ยม
- OPPO Reno7 5G รับฟรี OPPO Enco Buds และ E-VIP Card ประกันหน้าจอแตก มูลค่ารวม 6,999 บาท
- OPPO Reno7 Pro 5G รับฟรี OPPO Enco Air2 รุ่นใหม่ล่าสุด และ E-VIP Card ประกันหน้าจอแตก มูลค่ารวม 10,499 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://bit.ly/3LIHisL และ https://bit.ly/358s8ft
นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นพิเศษ เมื่อจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย (AIS, TrueMove H และ dtac) และสมัครแพ็กเกจรายเดือนตามที่กำหนด ราคาเริ่มต้นเพียง 6,990 บาท