- โดย มาห์จูบา นาวรูซี
- บีบีซีแผนกภาษาอัฟกัน
ที่มาของภาพ, Shajia
“ฉันถอดกรอบออกจากภาพวาด เอากรอบไปทิ้ง แล้วเก็บภาพวาดไว้”
นี่คือเรื่องราวของศิลปินหญิงชาวอัฟกันที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรักษางานศิลปะที่เธอทำมาทั้งชีวิต
ก่อนหน้านี้ ศิลปินหญิงชื่อชาเจียได้ยินมาว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลไปบุกค้นตามบ้านต่าง ๆ ประชาชนบางคนเลือกที่จะทำลายภาพวาด รูปปั้น เครื่องดนตรี และแม้กระทั่งหนังสือ
เธอตัดสินใจทิ้งภาพวาดพวกดอกไม้และธรรมชาติไว้บนฝาผนังเหมือนเดิม ไม่คิดว่าพวกตาลีบันจะสนใจแต่ปรากฏว่าคิดผิด พวกเขาเอาภาพวาดเหล่านั้นไปด้วย
ศิลปินหญิงคนนี้ยังอาศัยอยู่ในอัฟกานิสถานและเราจะไม่เปิดเผยที่อยู่ของเธอเพื่อความปลอดภัย สไตล์ภาพวาดของชาเจียทั้งดิบและเผยรายละเอียดให้เห็นอย่างชัดเจน บอกเล่าเรื่องราวชีวิตที่ยากลำบากของผู้หญิงชาวอัฟกัน
จากการตีความคำสอนศาสนาอิสลามอย่างเข้มงวดของตาลีบัน ภาพวาดใบหน้าคนเป็นสิ่งต้องห้าม ดังนั้นเธอจึงต้องเก็บซ่อนงานศิลปะไว้เป็นความลับ
ที่มาของภาพ, Shajia
Shajia is depicting the violence of men in silencing women
เมื่อบีบีซีถามไปยังรัฐบาล พวกเขาให้การปฏิเสธว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ยึดงานศิลปะไปจากประชาชน โฆษกกระทรวงส่งเสริมศีลธรรมและป้องกันความชั่วร้าย (Ministry for Promotion of Virtue and Prevention of Vice) บอกว่า มีรายงานไม่กี่เดือนก่อนว่ามีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นที่จังหวัดเฮรัต แต่ทางการบอกว่าพวกเขาแค่แสดงให้คนเห็นถึงคำสั่งสอนของศาสนาอิสลามและปล่อยให้คนตัดสินใจเอง
ที่ผ่านมา ตาลีบันได้สั่งปิดโรงเรียนสอนดนตรี และสั่งให้สถานีวิทยุและโทรทัศน์เลิกเปิดเพลง ละครเพลง หรือละครตลก ออกอากาศ และให้เปิดบทกลอนทางศาสนาและข้อความส่งเสริมตาลีบันแทน
พวกเขาเชื่อว่า ศิลปะจาก “ตะวันตก” เป็นหนทางสู่การทุจริตและความชั่วร้าย อย่างไรก็ดี กระทรวงข้อมูลและวัฒนธรรมสงวนท่าทีเรื่องนี้มากกว่าโดยบอกว่าพวกเขาทำการเฉลิมฉลองงานศิลปะและงานฝีมือในวันสตรีนานาชาติ
ชาเจียอธิบายประสบการณ์ของผู้หญิงอัฟกันที่ต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลตาลีบันว่าเป็นการ “ตกนรกทั้งเป็น”
“งานศิลปะเป็นงานที่ทำขึ้นมาด้วยความรัก มันเกิดขึ้นในหัวใจและความคิดของศิลปิน… สิ่งสวยงามแบบนั้นไม่มีที่อยู่ในประเทศภายใต้รัฐบาลนี้”
ที่ผ่านมา ศิลปินหญิงหลายคนพยายามพูดถึงความท้าทายในสังคมที่ชายเป็นใหญ่ แต่งานของชาเจียขมขื่นและมืดมนเป็นพิเศษ
ก่อนหน้านี้ เธอเคยไปศูนย์ศิลปะในกรุงคาบูลเพื่อวาดภาพ เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และพูดคุยกับศิลปินรุ่นใหม่คนอื่น ๆ แต่ตอนนี้สมาคมของผู้หญิงทุกแห่งถูกสั่งปิดตัวไปแล้ว
เธอบอกว่าเมื่อถูกเซ็นเซอร์ และไม่มีความอดทนอดกลั้น จินตนาการของศิลปินก็ตายไปด้วย “และนี่เป็นหายนะสำหรับฉันและศิลปินผู้หญิงคนอื่น ๆ”
อย่างไรก็ดี เธอมีจุดมุ่งหมายที่ใหญ่กว่านั้น นั่นก็คือการทำให้ผู้หญิงยังอยู่ในความสนใจของคนอยู่
“มันเป็นหน้าที่ของศิลปินที่จะเข้าใจและบอกเล่าเรื่องความเจ็บปวด ความไม่เท่าเทียม และการไม่เคารพสิทธิมนุษยชนในสังคม” เธอกล่าว
“ฉันอยากจะแสดงให้เห็นว่าหญิงอัฟกันกำลังเจอกับอะไร เราเหนื่อยที่ต้องทนกับการถูกกดขี่มากขนาดนี้”
ในการต่อสู้ครั้งนี้ เธอได้รับการสนับสนุนจากทั้งครอบครัวและสามีซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยในสังคมอัฟกัน
แม้ตาลีบันจะสั่งห้ามการเสพและสร้างงานศิลปะได้ แต่ชาเจียเชื่อว่าพวกเขาจะไม่สามาารถหยุดยั้งศิลปินหญิงจากการบันทึกเรื่องราวการต่อสู้ได้
“หากฉันวาดผู้หญิงใส่ผ้าคลุมศีรษะและถือคัมภีร์อัลกุรอาน ฉันก็จะได้รับอนุญาตให้จัดแสดงงาน ฉันจะสู้ต่อไปเพื่อเสรีภาพที่แท้จริงผ่านภาพวาด”