“บิ๊กเอไอเอส“ คาดQ3 ศก.กระเตื้อง แนะรัฐอัดเม็ดเงินช่วยSME ดีกว่าแจกคนละครึ่งเฟส5
วันที่ 20 พฤษภาคม นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือAIS เปิดเผยว่า หลังเปิดประเทศวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา คาดหวังว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น แต่อาจจะไม่ดีขึ้นในทันที เนื่องจากไทยยังต้องพึ่งเรื่องการท่องเที่ยวมาก และสถานการณ์โควิดในประเทศจีนยังคงรุนแรง แต่อย่างน้อยมีสัญญาณที่ทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าและคนเริ่มเรียนรู้จะอยู่ร่วมกับโควิดได้ในปัจจุบัน
เปิดปท.เศรษฐกิจไทยเริ่มกระเตื้อง
“โอมิครอนยังระบาดไม่หยุด อาจจะทำให้เศรษฐกิจไตรมาส 2 ยังไม่กระเตื้องมาก แต่ไตรมาส3 จะเริ่มกระเตื้องขึ้น และที่สำคัญไตรมาส4เป็นฤดูการท่องเที่ยวใหม่ เราหวังว่าถ้าจีนเลิกล็อกดาวน์ เลิกปิดประเทศ อาจจะช่วยทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เร็วขึ้น แต่ถ้าจีนยังใช้นโยบายนี้อยู่เศรษฐกิจไทยอาจจะชะลอไปถึงต้นปี 2566 เพราะนักท่องเที่ยวจากจีน 40 ล้านคนต่อปี เป็นกำลังซื้อที่สำคัญ แม้จะมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปหรือประเทศอื่นๆเข้ามาบ้างก็ตาม”
แนะรัฐอัดเงินช่วยธุรกิจSME
นายสมชัยกล่าวว่า สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ ยังคงเป็นผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้การส่งสินค้าหรือนำเข้าสินค้ายากขึ้น และภาวะเงินเฟ้อสูง ราคาสินค้าก็แพงขึ้น อาจทำให้เศรษฐกิจชะงัก หากกำลังซื้อไม่ดี ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญมาก เพราะในอดีตไทยยังไม่เคยมีภาวะแบบนี้
นายสมชัยกล่าวว่า ส่วนมาตรการของรัฐบาลที่ออกมาก่อนหน้านี้ ในระดับทุนใหญ่ไม่น่ามีปัญหาเพราะยังแข็งแรง ขณะที่ระดับฐานรากรัฐนำเงินเข้าไปช่วยบรรเทาความเดือดร้อนอยู่แล้วในขณะนี้ แต่ที่รัฐช่วยน้อยเกินไปคือกลุ่มระดับกลางเป็นธุรกิจเอสเอ็มอีและผู้ประกอบการรายย่อย อยากให้รัฐเข้าไปช่วยมากขึ้นให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อฟื้นฟูธุรกิจให้ดำเนินการต่อไปได้ แต่พอนำไปทำอาจไม่ได้ผลจริง เพราะเป็นนโยบายที่ไม่ได้ลงมือทำ แต่เป็นการชี้ทางให้ไปหาแหล่งเงินทุนจึงทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอียังลำบากอยู่
“หากจะให้แนะนำต้องทำช่วงระดับกลางให้แข็งแรงขึ้น ต้องช่วยเขาจริงๆ เช่น ยกเว้นภาษีให้เป็นรูปธรรม ธนาคารของรัฐยอมปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ตรงนี้ยังเห็นไม่ชัด เพราะธนาคารไม่ได้รับการสนับสนุนจริงๆจากรัฐ จึงไม่กล้าปล่อยเงินกู้ เพราะอาจเกิดเป็นหนี้เสีย รัฐต้องกล้าการันตีหรือยอมผ่อนปรนหนี้ให้ถึงจะแก้ปัญหาตรงนี้ได้”นายสมชัยกล่าว
ชี้ไม่มีเงินอย่าฝืนแจก ”คนละครึ่ง“
นายสมชัยกล่าวถึงมาตรการคนละครึ่งเฟส5 ว่า เป็นมาตรการที่ช่วยระดับรากหญ้า รัฐคงต้องทำเท่าที่จะทำได้ภายใต้งบประมาณ ซึ่งในช่วงโควิดระบาดรัฐนำเงินมาทำมาตรการนี้อย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้อาจจะทำแบบเดิมไม่ได้เพราะงบประมาณมีไม่เพียงพอ ประกอบกับแศรษฐกิจเปิดขึ้นมา คนเริ่มมีงานทำ อาจจะมีมาตรการ เช่น ลดราคาน้ำมัน ลดเก็บเงินประกันสังคม คงไม่สามารถทำได้มากต่อเนื่อง เพราะรัฐไม่มีเงิน
“การต่อมาตรการคนละครึ่งเฟส5 อาจจะไม่ได้ต่อมาก ผมว่านำเงินจะไปทำคนละครึ่งเฟส5 ช่วยเอสเอ็มอีดีกว่าเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าและมีการจ้างงานเกิดขึ้น เพราะกลุ่มรากหญ้ารัฐดูแลมาพอสมควรแล้ว แต่คงต้องดูแลต่อ แต่จะใช้เงินจ่ายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูแลที่จำเป็น เช่น ค่าครองชีพจากน้ำมันแพงแบบนี้ผมว่ามาถูกทางแล้ว ”นายสมชัยกล่าว
ลงทุน 3.5 หมื่นล้านขยายเครือข่ายรับ5G
นายสมชัยกล่าวว่า จากวิกฤตโควิดและสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทางเอไอเอสได้ปรับตัวหลายอย่าง แต่ยังโชคดีที่ฐานลูกค้ายังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ก็ต้องลงทุนมากขึ้น ขณะที่รายได้ไม่ได้เติบโตตามที่ลงทุนไป เพราะกำลังซื้อไม่มี ซึ่งเอไอเอสเห็นถึงผลกระทบดังกล่าวได้ปรับราคาในบางโปรโมชั่นการใช้งานอินเทอร์เน็ตให้มีราคาไม่สูงมาก เช่น จากเดิมเคยขาย 300 บาท ลดเหลือ 199 บาทหรือ200 บาท
“แม้จะมีวิกฤตเรามีการลงทุนอย่างต่อเนื่องมาตลอด อย่างในปีนี้ประกาศลงทุน 30,000-35,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนระบบบริการโครงข่าย เพื่อรองรับการใช้งานและลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เพราะช่วงโควิดลูกค้าเราเพิ่มขึ้นมาก ปัจจุบันอยู่ที่ 45 ล้านราย และพร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยเทคโนโลยี 5G ให้ครอบคลุม 77 จังหวัด”นายสมชัยกล่าว
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่